นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ผู้มีสิทธิจะสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งในเดือนกันยายน 2566 จะได้รับสิทธิ ดังนี้
วันที่ 1 กันยายน 2566 (เป็นวงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)
- วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน
**สำหรับผู้มีสิทธิที่ยืนยันตัวตนวันที่ 27 กรกฎาคม – 26 สิงหาคม 2566 และเริ่มใช้สิทธิได้วันที่ 1 กันยายน 2566 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง ยกเว้น ผู้ผ่านสิทธิรอบอุทธรณ์ และกลุ่มตกหล่น รวมทั้งผู้ผ่านสิทธิที่ดินเพิ่มเติม จะได้รับการ
ทบสิทธิวงเงินค่าซื้อสินค้า 5 เดือน (ของเดือนเมษายน – สิงหาคม 2566) รวมจำนวน 1,500 บาท - วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (กรกฎาคม – กันยายน 2566)
- วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน
ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL/EBM)
วันที่ 12 – 14 กันยายน 2566 (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ของผู้มีสิทธิหรือบัญชีเงินฝากธนาคารร่วมกับบุคคลอื่นหรือบัญชีบุคคลอื่น ที่ผู้มีสิทธิได้ยื่นหนังสือมอบความยินยอมไว้แล้ว)
- เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ในอัตรา 100 บาทต่อเดือน (ตั้งแต่เดือนเมษายน – กันยายน 2566) โดยจ่ายตามรายละเอียด ดังนี้
วันเดือนปีเกิด เดือนที่ได้รับสิทธิ จำนวนเงินที่มีสิทธิได้รับ (บาท)
เกิด ก่อน 1 เมษายน 2506 เมษายน – กันยายน 2566 600
เกิด ระหว่าง 1 – 30 เมษายน 2506 พฤษภาคม – กันยายน 2566 500
เกิด ระหว่าง 1 – 31 พฤษภาคม 2506 มิถุนายน – กันยายน 2566 400
เกิด ระหว่าง 1 – 30 มิถุนายน 2506 กรกฎาคม – กันยายน 2566 300
เกิด ระหว่าง 1 – 31 กรกฎาคม 2506 สิงหาคม – กันยายน 2566 200
เกิด ระหว่าง 1 – 31 สิงหาคม 2506 กันยายน 2566 100
โดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงินให้แก่ผู้มีสิทธิ โดยแบ่งกลุ่มตามวันเดือนปีเกิด ดังนี้
วันเดือนปีเกิดของผู้มีสิทธิ วันที่ยืนยันตัวตน
(e-KYC) วันที่ผูกบัญชีพร้อมเพย์ วันที่โอนเงิน
เกิด ก่อน 1 มกราคม 2494 ภายใน
26 สิงหาคม 2566 ภายใน
7 กันยายน 2566 12 กันยายน 2566
เกิด ระหว่าง 1 มกราคม 2494 – 31 ธันวาคม 2500 13 กันยายน 2566
เกิด ระหว่าง 1 มกราคม 2501 – 31 สิงหาคม 2506 14 กันยายน 2566
วันที่ 20 กันยายน 2566 (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประชาชน 13 หลักของผู้มีสิทธิ หรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท)
- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน
**สำหรับผู้มีสิทธิที่เป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน ที่ยืนยันตัวตนวันที่ 27 กรกฎาคม – 26 สิงหาคม 2566 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง ยกเว้น ผู้ผ่านสิทธิรอบอุทธรณ์
และกลุ่มตกหล่น รวมทั้งผู้ผ่านสิทธิที่ดินเพิ่มเติม จะได้รับการทบสิทธิเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ (ของเดือนเมษายน – สิงหาคม 66) ตามเดือนที่ได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท
กรมบัญชีกลางขอรายงานผลการจ่ายเงินสวัสดิการแห่งรัฐ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1- 31 สิงหาคม 2566 ดังนี้
- สวัสดิการที่ให้เป็นวงเงิน (บัตรประจำตัวประชาชน) จำนวนเงิน (ล้านบาท)
1.1 วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 4,042.45
1.2 วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 46.98
1.3 วงเงินค่าโดยสารรถเมล์และรถไฟฟ้า 42.90
1.4 วงเงินค่าโดยสารรถบริษัทขนส่ง จำกัด 12.00
1.5 วงเงินค่าโดยสารรถไฟ 31.50
รวมจำนวนเงิน (1) 4,175.84 - สวัสดิการที่ให้ผ่านระบบพร้อมเพย์ (บัตรประจำตัวประชาชน) จำนวนเงิน (ล้านบาท)
2.1 มาตรการเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 (โอนเงินให้แก่ผู้มีสิทธิ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566) 242.16
รวมจำนวนเงิน (2) 242.16 - สวัสดิการที่จ่ายตรงผู้ให้บริการ จำนวนเงิน (ล้านบาท)
3.1 มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า 164.53
3.2 มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 21.18
รวมจำนวนเงิน (3) 185.71
รวมจำนวนเงินทั้งสิ้น (1) + (2) + (3) 4,603.71
“ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 0 2109 2345 หรือ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 ในวัน เวลาราชการ” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว