นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ขณะลงพื้นที่ช่วย โย พงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัคร สส.เขต3 จ.ระยอง หาเสียงเลือกตั้งซ่อมเพิ่มเติมว่า สัปดาห์มาหาเสียงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สามแล้ว โดยสัปดาห์นี้จะมาพูดเรื่องน้ำมันรั่วที่จังหวัดระยองที่ศาลเพิ่มตัดสินคดีที่ผ่านมา จึงมีความเป็นห่วง โดยได้นำ สส.บัญชีรายชื่อที่ทำเรื่องขยะอุตสาหกรรมและมลพิษมาให้ความมั่นใจว่า
เลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้แค่ เพียง โย พงศธร คนเดียว แต่จะได้ทั้งอดีตสส.ที่เคยทำงานในเขตนี้ และได้ สส.บัญชีรายชื่อที่มีความเชี่ยวชาญด้วย และการเลือกตั้งในครั้งนี้ พรรคก้าวไกลมีความมั่นใจ แต่ไม่ประมาท ซึ่งมั่นใจว่าประชาชนยังไม่ลืมเรา ถึงแม่จะเป็นฝ่ายค้านก็จะเป็นฝ่ายค้ายเชิงรุก ก็ยังสามารถสร้างประโยชน์ให้ประชาชนได้ แต่ครั้งนี้เป็นการเลือกซ่อมหลายคนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ เพราะบางคนอาจจะทำงานอยู่ในต่างจังหวัด บางคนอาจจะทำงานอยู่ในต่างประเทศ เพราะฉะนั้นจึงประมาทไม่ได้ต้องรณรงค์สม่ำเสมอให้คนเห็นประโยชน์ของการเลือกตั้งและความสำเร็จของการเลือกตั้ง
ส่วนบทบาทของพรรคก้าวไกลหลังจากนี้จะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกที่มากกว่าการทำงานฝ่ายค้านแบบรูทีน เพื่อเตรียมตัวในการเลือกตั้งครั้งต่อไปและการเลือกตั้งทุกระดับ ตั้งแต่ อบจ.ท้องถิ่น สส. สสร. ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวแทนของประชาชนเราก็ต้องเตรียมตัวที่จะเป็นผู้นำทางการเมืองต่อไปไม่ว่าสถานะจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ ตนไม่คิดว่าประชาชนเลือกมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นก็คิดว่าไม่ได้เป็นตำแหน่งที่เราต้องการ เราก็จะต้องเตรียมตัว เพื่อให้เป็นแคตดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป น่าจะเป็นในมุมมองนั้นมากกว่า โดยจะเป็นบทบาทของพรรคก้าวไกล และบทบาทของตนในฐานะผู้นำพรรค
สำหรับความชัดเจน ระหว่างตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 และตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านจะเลือกอะไร นายพิธา ย้ำว่า ตนไม่ได้ต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ขณะนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ในฐานะรองประธานสภาคนที่ 1 ก็ไม่ต้องลาออกใช่หรือไม่ นายพิธา ระบุ คิดว่าอย่างนั้น เพราะนายปดิพัทธ์พยายามทำงานอย่างเต็มที่และสร้างสรรค์ แต่ตนไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดคุยกัน จึงต้องขอส่งกำลังใจไปให้ด้วยในการทำหน้าที่ ที่ตัวเนื้อหา กฎหมาย ญัตติ และกระทู้ที่ยังทำไม่ได้ในตอนนี้ ก็อยากจะให้เน้นเกี่ยวกับสารถะของการเป็นรองประธานสภาที่ดี
กรณีที่มีประเด็นดราม่า ทั้งเรื่องหมูกระทะ และการแต่งกาย มองอย่างไรบ้างนั้น นายพิธา ระบุว่า ก็คงต้องเข้มแข็ง และให้ทำงานอย่างมีวุฒิภาวะ อย่าเสียสมาธิกับเรื่องที่ไม่ได้เป็นประโยชน์กับประชาชน โดยเชื่อว่าเพื่อนของตนคนนี้ มีจิตใจเข้มแข็งอยู่แล้ว เป็น สส.เขตมาตั้งแต่อนาคตใหม่ ผ่านอะไรมาเยอะ ผมคิดว่าเขาเอาอยู่
มองหรือไม่ว่าเป็นเกมที่ถูกบีบในสภาหรือไม่ นายพิธา ระบุว่า ก็เป็นเกมในสภา ไม่ได้บีบอะไร และตนไม่เชื่อว่า นายปดิพัทธ์ จะรู้สึกอะไร อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเศรษฐา จะถูกครอบงำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ นายพิธา ระบุว่า ตามมารยาทการเมือง ที่นี่ก็คงต้องให้เวลา และคงต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ถ้าผลงาน กระบวนการทำงานความตรงไปตรงมา และประสิทธิภาพการทำงานเป็นที่ประจักษ์ก็ต่องเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้ง
แต่ที่กังวลใจในรัฐบาลชุดนี้ เมื่อ โผ ครม.ยังไม่ออก ย้ำว่า กังวลเรื่องวิกฤตศรัทธา เพราะการเข้าสู่อำนาจและไม่ได้ตรงตามที่พูดคุยกับประชาชนตามที่หาเสียงไว้ แต่ถ้าตั้งใจทำงาน มีความสุจริตในการบริหารราชการแผ่นดินและมีผลงาน ก็คิดว่าจะฟื้นฟูศรัทธาของประชาชนได้ และเป็รกำลังใจให้คุณเศรษฐา
ส่วนกรณีกระแสข่าวการจัดตั้งพรรคอนาคตไกลที่จะไปจดแจ้งกับ กกต. นายพิธา ย้ำว่า ตนไม่รู้จักพรรคอนาคตไกล และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางพรรคก้าวไกล และมองว่าในการเมืองทั่วไปก็เป็นสิทธิเสรีภาพใครจะตั้งพรรคก็ได้ และจังหวะในการตั้งพรรคเพื่อชี้นำประเด็นอะไรบางอย่าง และตนเชื่อว่า ประชาชนเป็นพลเมืองเขารู้ทัน
นายพิธา ยังพูดถึงสภาพจิตใจของตนเองและคนในพรรคด้วยว่า สำหรับตน เวลาลงพื้นที่ประชาชนก็บอกว่า อย่าเสียใจนะ ตนพูดได้เต็มปากเต็มคำ ตนภูมิใจมากกับสิ่งที่เราได้ทำด้วยกัน ตอนเริ่มทำแคมเปญก็บอกแค่ 30 เสียง ตอนนี้โตมา 5 เท่าเป็น 150 เสียง เพราะฉะนั้นก็ไม่ทีอะไรให้เสียใจ มีแต่เรื่องที่จะต้องภูมิใจกับสิ่งที่เรียนรู้มา และตนก็รู้สึกว่า ตนเองเป็นนักการเมืองที่ดีขึ้นมาก ตอนนี้เป็นพิธา เวอร์ชั่น 2 ที่รู้จักรับฟัง มีวุฒิภาวะ และเข้าใจในการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้นตนรู้สึกภูมิใจในการเดินทางของพรรคก้าวไกลเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีความเสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว
โดยการลงพื้นที่ตั้งแต่ช่วงบ่าย เริ่มต้นซอยบ้านนา 3 ต.ทางเกวียน แล้วไปชุมชนโพธิเงิน /ถนนเกาะหนองโบสถ์ /ชุมชนแหลมยาง /ตลาดนัดหนองกะพ้อ และจุดสุดท้ายที่ ตลาดนัดวังหว้า ต.วังหว้า อ.แกลง ซึ่งมีชาวบ้านในพื้นที่ เข้ามาขอถ่ายรูป ให้กำลังใจคุณพิธา และผู้สมัคร สส.ตลอดทาง ซึ่งส่วนใหญ่คุณพิธา จะปราศรัยถึงการเชิญขวนให้ออกมาใช้สิทธิ์ เลือกตั้งในวันที่ 10 ก.ย.
โดยบางช่วงบางตอนหนึ่งในการปราศรัย นายพิธา ได้ปราศรัยกับประชาชน ระบุ เน้นย้ำถึงการเป็นฝ่ายค้านด้วยว่า
“ประชาชนกว่า 14 ล้านคนในประเทศนี้ เลือกผมมาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เลือกมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นไม่รับ ไม่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน แต่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไปแน่นอน ต่อไปนี้พ่อแม่พี่น้องไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องเสียใจอีกต่อไป เผาความเสียใจ เผาความคับแค้นให้กลายเป็นพลังงาน เอาความรู้สึกคับแค้น ความผิดหวัง ความเสียใจ เผาให้เป็นพลังงานขับเคลื่อนระยอง ขับเคลื่อนประเทศนี้ไปด้วยกัน”