แนวโน้มการหลอกลวงในประเทศญี่ปุ่นมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการหลอกให้ผู้สูงอายุให้ไปทำรายการโอนเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งมักจะใช้การติดต่อผ่านทางโทรศัพท์และอ้างว่า สมาชิกในครอบครัวต้องการใช้เงิน ให้ทำการโอนเงินไปยังบัญชีอื่น ๆ ก่อนจะมีการโอนย้ายออกไป
ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีข้อเสนอไปยังรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อพิจารณามาตรการใหม่ ในการที่จะจำกัดการเข้าถึงตู้เอทีเอ็ม สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปีขึ้นไป และไม่ได้มีการทำธุรกรรมมาเป็นเวลานา เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยทางสำนักงานตำรวจของญี่ปุ่น ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ มีความเสียหายจากการหลอกลวงในลักษณะนี้แล้วมากกว่า 1.53 หมื่นล้านเยนแล้ว สูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 3 พันล้านเยน สำหรับการฉ้อโกงที่พบในกลุ่มผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นที่พบมากที่สุด คือ
- การฉ้อโกงบัญชีเงินออม 93.5%
- หลอกให้ส่งเงิน-โอนเงินให้ฉุกเฉิน 78.7%
- หลอกลวงให้ร่วมลงทุน 75.0%
- หลอกลวงว่า มีการใช้บัตรกดเงินสด 66.3%
- หลอกลวงว่าจะได้รับเงินคืนภาษี 60.1%
…
กระแสตอบรับ ระบุ “ไม่ยุติธรรม”
ภายหลังจากที่มีการนำเสนอให้มีการจำกัดการเข้าถึงการทำธุรกรรมผ่านตู้เอทีเอ็มของกลุ่มผู้สูงอายุ ทำให้กระแสตอบรับแนวทางดังกล่าว ไม่ค่อยเห็นด้วยมากนัก เนื่องจากมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการจำกัดการเข้าถึงบัญชีธนาคารของประชาชนมากเกินไป
นอกจากนี้ จำนวนไม่น้อยยังมองว่า ผู้ที่อยู่ในวัยอื่น ๆ ก็มีความเสี่ยงหลอกลวงได้เช่นกัน และเมื่อมีการจำกัดการเข้าถึงของคนในกลุ่มนี้ ก็จะทำให้กลุ่มนักต้มตุ๋นหันไปใช้ช่องทางอื่นได้อีกเช่นกัน
ที่มา – https://news.tv-asahi.co.jp/news_society/articles/000309123.html