วันนี้12 กรกฏาคม 2566 หลังจากที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้ออกรายการโทรทัศน์ในช่วงเย็นที่ผ่านมา
นายพิธา ได้ลงมาทักทายสื่อมวลชน พร้อมกล่าวขอบคุณทุกกำลังใจหลังจากทราบว่าตนถูก กกต. ส่งคำร้องเรียนไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย รวมถึงประชาชน ทั้งที่เป็นข่าวและส่งข้อความมา
โดยยืนยันว่าในขณะนี้สติและกำลังใจยังดีอยู่ พร้อมเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ห่วงว่ากรณีนี้จะเป็นปัจจัยในการโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ส.ว.หลายคนก็ออกมาแสดงจุดยืนว่าเป็นนักการเมืองของประชาชน
นายพิธา กล่าวว่า ตอนนี้ไม่รู้จะตั้งรับอย่างไร เพราะว่าไม่มีโอกาสในการชี้แจงข้อกล่าวหา เนื่องจากห้วงเวลาในการดำเนินการมีเพียง 32 วัน ซึ่งเป็น 1 วันก่อนโหวตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นระยะเวลาที่สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อเทียบกับคดีของรัฐมนตรี 4-5 คนที่ผ่านมา ซึ่งรัฐมนตรีที่ใช้เวลาดำเนินคดีมากที่สุด มากถึง 300 กว่าวัน ขณะเดียวกันก็พร้อมชี้แจงหากศาลรัฐธรรมนูญเปิดการไต่สวน
“ผมไม่ทราบว่า กกต. สงสัยผมในประเด็นไหนเรื่องหุ้น itv และมากกว่านั้นคือเรื่องที่ประชาชนสงสัย และการทำงานของสื่อมวลชน โดยเฉพาะช่อง 3 ที่ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับรายงานการประชุมไม่ตรงกัน ซึ่งยังไม่มีโอกาสได้ถามและชี้แจง หากเรียกผมเข้าไปชี้แจงตามกระบวนการ กกต. ก็คงจะสิ้นความสงสัย ไม่เป็นปัญหาให้เกิดเดตล็อกอย่างนี้ เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า ตนหวังว่าจะไม่เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองจนทำให้สู่การชุมนุมในขณะนี้ “เพราะการกลั่นแกล้งผมเพียงคนเดียวมีราคาจ่ายที่สูง ระบบกลไกในการบริหารราชการและบริหารประเทศ และหลักเกณฑ์ที่เป็นบรรทัดฐานของนักการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย หากจะสกัดกั้นผมเพียงคนเดียวหรือพรรคก้าวไกล แต่เป็นเสียงของประชาชน”
ส่วนการชุมนุมที่เกิดขึ้น นายพิธา เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร โดยส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย คือการรวมตัวกันอย่างสันติ เพื่อควบคุมวาระทางสังคม ซึ่งตนย้ำว่าไม่ได้เสียขวัญกำลังใจอะไร เข้าใจว่ามวลชนมีอารมณ์ เพราะเขาเลือกคนของเขามาแล้ว หากมุทะลุมากเกินไปจะไม่เป็นผลดี อะไรที่สำคัญ อะไรที่ยิ่งใหญ่ ต้องใช้เวลาและมีความยากเสมอ ตนเชื่อว่าจะบริหารจัดการสถานการณ์ได้
นายพิธา กล่าวว่า พรุ่งนี้จะเดินทางเข้ารัฐสภาเป็นปกติ พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ และตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยหลังจากที่ กกต. ยื่นคำร้อง
นายพิธา ระบุว่า อาจมีความเป็นไปได้หรือจะแย่กว่าเดิม เมื่อสถานการณ์ต้องถึงจุดที่ต้องเลือกตามที่เลขาธิการพรรคก้าวไกลได้บอกไว้ เพราะความท้าทายของประเทศไทยตอนนี้หนักกว่าช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่เจอสถานการณ์โควิด-19 และสงครามต่างๆ ถึงต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพและมีความชอบธรรมในการบริหาร สามารถขอความร่วมมือจากประชาชนได้ ซึ่งนั่นหมายถึงต้องมาจากการเลือกตั้ง โดยตอนนี้ยังไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์ ส.ว.ว่าจะมีการโหวตให้เท่าใด
ภายหลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนนายพิธาได้เดินออกไปทักทายแฟนคลับที่มารอต้อนรับที่สถานีโทรทัศน์ พร้อมขึ้นรถกลับไป เพื่อประชุมต่อกับทีมงานพรรคก้าวไกล