วันนี้ 10 กรกฏาคม 2566 เวลา10.00 น. นายวันมูหะมัดนอร์ ประชุมร่วมกับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อแบ่งงาน และแบ่งหน้าที่ในการดูแลงานนิติบัญญัติ ทั้งภารกิจการพิจารณาบรรจุร่างพระราชบัญญัติ หรือร่างกฎหมายที่เสนอมาโดยคณะรัฐมนตรี ส.ส. หรือประชาชน, ภารกิจการพิจารณาบรรจุญัตติ และกระทู้ถามต่าง ๆ เข้าสู่วาระการประชุม รวมถึงการประสานงานระหว่างรัฐบาล ฝ่ายค้าย วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีในอนาคต
โดยก่อนการเข้าประชุม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ได้เปิดเผยถึงความพร้อมการประชุมรัฐสภา เพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ว่า ในวันพรุ่งนี้ (11 กรกฎาคม) เวลา 11.00 น. ได้นัดคณะกรรมการประสานงานวุฒิสภา หรือ วิปวุฒิสภา รวมถึงตัวแทนพรรคการเมือง สภาผู้แทนราษฎร มาประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจในการประชุม และลงมติ เพื่อให้การประชุมในวันดังกล่าวเป็นไปอย่างกระชับขึ้น โดยจะต้องยึดตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับการประชุมอย่างเคร่งครัด
ส่วนบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี จำเป็นจะต้องแสดงวิสัยทัศน์ก่อนหรือไม่นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ ระบุว่า การแสดงวิสัยทัศน์นั้น ตามข้อบังคับการประชุมไม่ได้กำหนดไว้ แต่หากมี ส.ส. หรือ ส.ว.เสนอขึ้นมาเป็นญัตติให้ต้องมีการแสดงวิสัยทัศน์ ก็จะต้องขอมติจากที่ประชุมก่อน
ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม กรณีที่ในวันนี้ (10 ก.ค.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้นัดประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องการถือครองหุ้น ITV ของนายพิธา ว่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยตีความการขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามของนายพิธาหรือไม่ โดยระบุเพียงว่า ยังไม่สามารถตอบได้ และยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีที่พรรคก้าวไกล แสดงความมั่นใจว่า ได้รับเสียงจากวุฒิสภามาสนับสนุนเพียงพอแล้ว โดยระบุว่า ตนเองไม่สามารถตอบได้ เนื่องจาก ประธานรัฐสภา จะต้องเป็นกลาง จึงขอให้เป็นเรื่องของสมาชิกวุฒิสภา และพรรคการเมือง
ส่วนกรณีวันที่ 13 กรกฎาคม จะมีกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล มาให้กำลังใจนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ที่หน้ารัฐสภานั้น นายวันมูหะมัดนอร์ ระบุว่า เบื้องต้นได้มีการหารือร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่สภา และตำรวจ เพื่อวางแผน และเตรียมการอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยแก่มวลชนที่จะเดินทางมาในวันดังกล่าว โดยจะใช้สนามเอนกประสงค์ บนถนนทหาร เยื้องรัฐสภา ซึ่งเป็นพื้นที่ของกรุงเทพมหานครในการรับรองมวลชน ซึ่งกรุงเทพมหานคร ก็ยินดีให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวแล้ว โดยสามารถรองรับมวลชนได้ถึง 10,000 คน และจะมีรถสุขา เต็นท์ มาบริการให้กับประชาชน เพื่อไม่ให้ประชาชนรู้สึกห่างไกล และสามารถมีส่วนร่วมติดตามการประชุมรัฐสภา เพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และก็จะดูแลความปลอดภัยของ ส.ส. และ ส.ว. เพื่อให้การประชุมสามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น
