กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม ของกัมพูชาได้ออกประกาศในการตัดสินใจให้ขับไล่ตัวแทนของเฟซบุ๊กออกจากกัมพูชาและระงับกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท ทั้งที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐฯ และภาคเอกชนในกัมพูชา โดยหนังสือดังกล่าวได้ระบุว่า
กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม (MPT) ขอแจ้งให้ประชาชนทราบว่า ภายหลังจากการตรวจสอบความไม่ปรกติของการให้บริการเฟซบุ้กในประเทศกัมพูชา ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งาน ทั้งจากการสร้างบัญชีปลอม การเก็บและใช้ข้อมูลส่วนตัว การเปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จ การขาดความรับผิดชอบและแทรกแซงทางการเมืองของเฟซบุ๊กในประเทศ
ดังนั้น ทางการกัมพูชาจึงได้ตัดสินขับไล่ตัวแทนเฟซบุ๊กออกจากประเทศกัมพูชา และหยุดกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัททั้งหมด ซึ่งรวมถึงการสื่อสารของหน่วยงานของรัฐ และความร่วมมือของภาคเอกชนที่อยู่ในประเทศกัมพูชานับตั้งแต่บัดนี้
…
ความเห็นชาวกัมพูชา
ภายหลังจากที่กระทรวงไปรษณีย์ฯ ของกัมพูชาได้โพสต์ประกาศฉบับดังกล่าว “ลงในเฟซบุ๊ก” ของกระทรวงฯ ก็มีชาวกัมพูชาจำนวนมากได้มาแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นที่เกิดขึ้น มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
สำหรับกลุ่มที่เห็นด้วย ก็สนับสนุนให้ชาวกัมพชาไปใช้แพลตฟอร์มอื่น ๆ แทน และพร้อมสนับสนุนในการปิดกั้นและให้เฟซบุ๊กออกจากกัมพูชาไป
ในขณะที่กลุ่มไม่เห็นด้วยให้เหตุผลว่า ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กในกัมพูชา จะได้รับผลกระทบมากกว่า เนื่องจากหลายคนใช้ในการไลฟ์ขายของ รวมถึงบางส่วนมีรายได้จากการทำเนื้อหาต่าง ๆ ลงในเฟซบุ๊ก
…
ทำไมกัมพูชาถึงต้องจัดการเฟซบุ๊ก
เหตุการณ์ความไม่พอใจเฟซบุ๊กของสมเด็จอูน เซนเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ภายหลังจากที่มีการไลฟ์คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ลงบนเฟซบุ๊กของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งมีข้อความบางอย่างที่ถูกระบุว่า กำลังข่มขู่คู่แข่งทางการเมือง ด้วยการที่จะส่ง “อันธพาล” ไปเยี่ยมบ้าน
ส่งผลให้ Meta ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของเฟซบุ๊ก มีการลบคลิปดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า คลิปดังกล่าวละเมิดกฎชุมชน เมื่อวันที่ 29 ม.ย. ที่ผ่านมา ร่วมถึงมีข้อเสนอแนะให้ระงับบัญชีของสมเด็จฮุน เซนเป็นเวลาอีก 60 วันด้วย ส่งผลให้สมเด็จฮุน เซน ได้ประกาศว่า จะเลิกใช้เฟซบุ๊ก และได้ชักชวนชาวกัมพูชาไปใช้งานในแพลตฟอร์มอื่น เช่น Telegram, TikTok, Line, Viber และ WhatsApp*
Editor Note : WhatsApp เป็นหนึ่งในบริการของบริษัทเมต้า เจ้าของเฟซบุ๊กเช่นกัน
ซึ่งภายหลังจากการประกาศทำให้บัญชีของเทเลแกรม สมเด็จฮุน เซนมีผู้กดติดตาม แล้วจำนวนกว่า 8 แสนราย
…
เฟซบุ๊กฮุนเซน เข้าชมไม่ได้
ต่อมา ในวันนี้ พบว่า หน้าเฟซบุ๊กของสมเด็จฮุน เซน ผู้นำของกัมพูชา ไม่สามารถเข้าดูข้อมูลได้แล้ว ซึ่งยังคงไม่ชัดเจนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นนั้นเกิดจากการที่มีการปิดบัญชีด้วยตัวเอง หรือ ถูกเฟซบุ๊กดำปิดกันแน่ ซึ่งบัญชีของสมเด็จฮุน เซน ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 14 ล้านคน ไม่สามารถเข้าชมข้อมูลได้แล้ว
ซึ่งก่อนหน้านี้ นอกจากสมเด็จฮุน เซนจะประกาศสร้างบัญชีใหม่ในแพลตฟอร์มอื่น เช่น เทเลแกรมแล้ว ยังได้กล่าวถึงการที่จะกล่าวถึงการที่จะแบนเฟซบุ๊กออกจากประเทศกัมพูชาอีกด้วย หากยังคงเผยแพร่ข้อความและถ้อยคำของฝ่ายตรงข้าม และตัดสินต่อตนเองอย่างไม่เป็นธรรม
สมเด็จฮุน เซนยังได้กล่าวว่า ที่ผ่านมาเฟซบุ๊กดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากไม่เคยลงโทษกับฝ่ายตรงข้ามตนเองแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีคำพูดที่รุนแรงโจมตีสมเด็จฮุน เซนก็ตาม
…
…
เกี่ยวข้องกับเลือกตั้งกัมพูชา?
สิ่งที่เกิดขึ้น หลายฝ่ายต่างก็มุ่งไปที่ประเด็นทางการเมืองที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชากำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 23 กรกฎาคม 2023
ซึ่งแม้ว่าการแบนที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของกัมพูชาได้ไม่มากก็ตาม แต่ส่งสัญญาณชัดเจนให้เห็นว่า สมเด็จฮุน เซน ยังคงต้องการที่จะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างเด็ดขาด เหมือนเช่นในปี 2018 ที่ผ่านมา ที่พรรค CPP ของสมเด็จฮุน เซนได้รับคะแนนเสียง 77% และครองที่นั่งทั้งหมด 123 ที่นั่งในสภา โดยไม่มีฝ่ายค้าน
แม้ว่า ในการเลือกตั้งในครั้งนี้ จะมีพรรคการเมืองที่เข้าสู่สนามเลือกตั้งจำนวน 18 พรรคด้วยกัน แต่มีเพียงพรรคแสงเทียนเพียงพรรคเดียวที่มีสถานเป็น พรรคฝ่ายค้านอย่างแท้จริง ๆ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงสนามเลือกตั้งในครั้งนี้ เนื่องจากถูกระบุว่า ไม่สามารถส่งเอกสารของพรรคได้ทันกำหนดที่คณะกรรมการการเลือกตั้งของกัมพูชาระบุไว้
ข้อมูล –
- https://www.oversightboard.com/decision/FB-6OKJPNS3