สถานการณ์การประท้วงในประเทศฝรั่งเศสกำลังรุนแรงมากขึ้นเรื่อย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นับเป็นคืนที่ 4 แล้ว โดยยังไม่มีวี่แววว่าจะจบลงอย่างไร เมื่อไหร่ ในขณะที่การรวมตัวประท้วงก็ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ไปจนถึงใน เฟรนช์เกียนา หนึ่งในจังหวัดโพ้นทะเลของประเทศฝรั่งเศส บนชายฝั่งทางเหนือของทวีปอเมริกาใต้
…
สถานการณ์ประท้วงในฝรั่งเศสล่าสุด :
- การประท้วงในคืนที่ 4 นี้ ส่งผลให้มีผู้ถูกจับกุมไปแล้วอย่างน้อย 470 คนในหลายเมืองด้วยกัน ส่งผลให้มีอาคาร บ้านเรือนได้รับความเสียหายหลายแห่ง มีการเผารถยนต์ และสิ่งต่าง ๆ รวมถึงมีการปล้นสะดมร้านค้าบางแห่งด้วย
- โดยการประท้วงในเมืองมาร์แซย์ (Marseille) ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ถือเป็นพื้นที่ที่มีการประท้วงรุนแรงที่สุดในคืนที่ 4 นี้ มีเผา ทำลาย รวมถึงปล้นสะดมในเมือง ซึ่งมีร้านขายอาวุธรวมอยู่ด้วย
- สถานการณ์ได้ลุกลามไปยังเมืองกาแยน ของเฟรนช์เกียนา
- ทางการฝรั่งเศสมีการสั่งเสริมกำลังเพิ่มขึ้น เพื่อควบคุมสถานการณ์ ซึ่งในขณะนี้ ได้มีการจัดจนท.ตร. เข้าควบคุมสถานการณ์จำนวน 4.5 หมื่นนายเข้าควบคุมสถานการณ์
- กำลังอยู่ในระหว่างการประเมินสถานการณ์ เพื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
- มีรายงานการประท้วงที่ลุกลามเข้าสู่ในเบลเยียม
รายงานความเสียหายล่าสุด
- รถยนต์อย่างน้อย 1,900 คันถูกเผา
- อาคารได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ 500 แห่ง โดยเฉพาะห้องสมุดในเมืองมาร์แซย์
- มีการแจ้งเหตุไฟไหม้ จำนวน 3,880 ในคืนที่ผ่านมา
- ผู้ถูกจับกุมแล้ว 470 คน
- เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 249 นาย
- ร้านค้าและห้างหลายแห่ง ถูกปล้น
…
ร้านค้าและห้างหลายแห่ง ถูกปล้น
สาเหตุของการประท้วงในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่ตำรวจได้ยิง นายนาเฮล เอ็ม. อายุ 17 ปีในเขตชานเมืองนองแตร์ในกรุงปารีสเมื่อเช้าวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งตำรวจอ้างว่า วัยรุ่นดังกล่าวขับรถพุ่งใส่ จึงจำเป็นต้องยิงเพื่อหยุดรถที่กำลังวิ่งอยู่
แต่ในเวลาต่อมา ก็ปรากฎคลิปที่แสดงให้เห็นว่า ผู้เสียชีวิตและรถคันดังกล่าว ได้จอดนิ่งอยู่และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายที่ยืนอยู่ข้างรถ พร้อมกับหนึ่งในนั้น ได้เล็งปืนไปที่คนขับ พร้อมทั้งมีเสียงขู่ที่ระบุว่า “คุณกำลังจะได้กระสุนในหัว”
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับรถที่พุ่งออกไปจากจุดเดิม ส่งผลให้ภายหลังจากคลิปดังกล่าวได้เผยแพร่ออกมา ก็สร้างความไม่พอใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และนำไปสู่การประท้วงที่ค่อย ๆ ลุกลามไปเรื่อย ๆ
ในขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ระบุถึงเหตุการณ์ที่ว่า ไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุเหตุการณ์สลดนี้ได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ ทางด้านของนายกรัฐมนตรีเอลิซาเบธ บอร์น ยอมรับว่า การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกิดขึ้นนั้น ไม่เป็นไปตามกฎการใช้อาวุธของตำรวจแต่อย่างใด
…
ทำไมถึงลุกลามมากขึ้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มีข้อถกเถียงถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจต่อประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ชานเมือง ซึ่งเป็นที่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย ผู้อพยพ ซึ่งการประท้วงในครั้งแรก เป็นการรวมตัวของประชาชนท้องถิ่นของผู้เสียชีวิต และค่อย ๆ ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
ปมการเสียชีวิตของ นาย นาเฮล เอ็ม. ได้กลายเป็นประเด็นของการอคติทางด้านเชื้อชาติภายในประเทศ ที่เป็นปัญหามาที่ฝั่งรากลึกในสังคมฝรั่งเศสต่อการเลือกปฏิบัติของตำรวจต่อกลุ่มชนชั้นแรงงาน ผู้อพยพ และส่งผลต่อการเลือกบังใช้กฎหมายกับคนบางกลุ่มมากเป็นพิเศษ
ซึ่งที่ผ่านมา ถูกระบุว่า คนผิวสี หรือชาวอาหรับมักจะได้รับการเพ่งเล็งจากตำรวจมากกว่า คนผิวขาว ส่งผลให้ประชาชนในกลุ่มเหล่านี้ มักจะถูกเรียกตรวจเสมอ ๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นเหมือนการสะกิดปมความไม่พอใจของประชาชนบางส่วน และทำให้มีการประท้วงที่ลุกลามมากยิ่งขึ้น สถานที่ราชการเช่น สถานีตำรวจ จึงกลายเป็นเป้าหมายของการประท้วง
…
หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงกฎหมายก่อการร้าย
สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตต่อกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายของฝรั่งเศส ที่ให้อำนาจตำรวจในการหยุด และขอตรวจสอบรถยนต์ได้ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องสนใจว่า รถยนต์-ผู้ขับขี่รถยนต์กระทำความผิดหรือไม่
และกรณีที่เกิดขึ้น ก็มีการยกข้อกฎหมายที่เรียกว่า “refus d’obtemperer” หรือ การปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของตำรวจ นำไปสู่การยิงสกัดกั้นรถ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ นาเฮล เอ็ม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นับเป็นกรณีที่ 3 ของปีนี้
ในขณะที่ปี 2022 ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการถูกสังหาร 13 ราย จากการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งให้มีการหยุดรถ และตามรายงานหลายแหล่งระบุว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นคนผิวสี หรือมีเชื้อสายอาหรับเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งกฎหมายเกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้ายในฝรั่งเศส มาตรา 435-1 อนุญาตให้ตำรวจสามารถใช้อาวุธได้ หากพบเห็นความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อบุคคลหรือผู้อื่น โดยกฎหมายฉบับนี้ มีการใช้มาตั้งแต่ปี 2017 ภายหลังจากมีเหตุการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในฝรั่งเศสเมื่อปี 2015
มีการศึกษาวิจัยพบว่า ภายหลังจากมมีการผ่านข้อกฎหมายดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจในฝรั่งเศสมีการยิงผู้ขับขี่รถยนต์ที่ไม่ปฎิบัติตามคำสั่งมากขึ้นกว่าเดิมถึง 5 เท่า และการถูกยิงจนเสียชีวิตบนยานพาหนะสูงขึ้นถึง 350%
…
ฝรั่งเศสยังเที่ยวได้หรือไม่
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและยังคงไม่มีท่าทีที่จะสงบลง ทำให้ในขณะนี้หลายประเทศ เช่น สหรัฐ และอังกฤษ ได้มีการแจ้งเตือนพลเมืองที่จะเดินทางไปเที่ยวยังประเทศฝรั่งเศสให้ระมัดระวังในการเดินทางท่องเที่ยวแล้ว
เนื่องจากการประท้วงที่เกิดขึ้นในหลายเมือง โดยเฉพาะในแถบชานเมืองของปารีส ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ต้องมีการปรับตารางเวลารถโดยสารสาธารณะหลายสาย
และในขณะนี้ มีการประกาศเคอร์ฟิวในบางเมืองคือ Clamart และ Neuilly-sur-Marne โดยทั้งสองเมืองอยู่ใกล้กับปารีส ที่กลายเป็นเมืองที่อยู่ใจกลางของการประท้วงที่เกิดขึ้นรอบ ๆ
อย่างไรก็ตาม ในการประท้วงที่เกิดขึ้นนั้น พื้นที่ใจกลางกรุงปารีสยังคงเป็นไปตามปรกติ เช่นเดียวกับอีกหลายเมือง ดังนั้นการเดินทางท่องเที่ยวยังคงสามารถทำได้ แต่จำเป็นที่จะต้องติดตามข่าว และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเลี่ยงพื้นที่ที่มีการชุมนุมประท้วง
เนื่องจากยังไม่ชัดเจนว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นนี้ จะลุกลามเพิ่มขึ้นหรือไม่ รัฐบาลฝรั่งเศสจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เมื่อใด
ข้อมูล –
- https://esprit.presse.fr/actualites/sebastian-roche-et-paul-le-derff-et-simon-varaine/homicides-policiers-et-refus-d-obtemperer-44252
- https://www.liberation.fr/societe/police-justice/tirs-policiers-mortels-une-etude-atteste-du-danger-de-lassouplissement-de-lusage-des-armes-20220923_ZBVXPADFX5ANZAJH74HB63WZFM/
- https://www.legifrance.gouv.fr/codes/article_lc/LEGIARTI000034107970