สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ฝากพรรคก้าวไกล ประเมินสถานการณ์เลวร้ายที่สุด เพื่อเตรียมรับมือ ในการจัดตั้งรัฐบาลและส่งให้ นายพิธา เป็นนายกฯ
ประเด็นแรก คือ โทษทางอาญา ตามมาตรา 151 (มาตรา 151 ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะ ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 20 ปี) ซึ่ง กกต. ใช้เป็นข้อกล่าวหาว่ากับ พิธา ซึ่งประเด็นนี้ยังเบาใจได้เนื่องจากการต่อสู้ในทางอาญาต้องใช้เวลาพอสมควร
ประเด็นที่ 2 เรื่องการถือหุ้นสื่อ ซึ่งต่อเนื่อง หากกกต.พิจารณาแล้วไม่เดินเรื่องคดีอาญาตามมาตรา 151 ยังมีช่องทางไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูธได้ ตามมาตรา 82 ผู้ที่มีสิทธิร้องคือ ส.ส.เข้าชื่อกัน 1 ใน 10 หรือ 50 คนขึ้นไป สามารถร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ หรือ กกต.ก็เป็นผู้ร้องได้เช่นกัน (มาตรา 82 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา จำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก ว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งแห่งสภานั้นสิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (3) (5) (6) (7) (8) (9) (10) หรือ (12) หรือมาตรา 111 (3) (4) (5) หรือ (7) แล้วแต่กรณีและให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับคำร้อง ส่งคำร้องนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้นั้นสิ้นสุดลงหรือไม่)
สิ่งที่ต้องเตรียมการ การพิสูจน์ว่า เป็นสื่อ หรือ ไม่เป็นสื่อ? ต้องพิสูจน์ ไม่ใช่จะบอกว่า ITV ไม่เป็นสื่อเพราะไม่มีช่องทางออกอากาศ แต่ คำว่าสื่อ เป็นได้ทั้ง หนังสือพิมพ์ สื่อโฆษณา รับจ้างจัด event ก็เป็นบริษัทสื่อทั้งสิ้น อย่าไปคิดว่าคลิป คลิปเดียวจะทําลายทุกสิ่ง คลิปอาจจะลายบันทึกการประชุมได้ แต่ยังไม่ทำลายหลักฐานอื่น ตรงนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะถูกรื้อฟื้นได้ เพราะยังมีประเด็นเรื่องการถือครองหุ้นเป็นชื่อใคร คุณพิธาเป็นผู้จัดการมรดก และการโอนหุ้นออกไป
เรื่องประเด็นของการที่จะสร้างความชอบธรรมว่า สิ่งที่ทําทั้งหมด ไม่ได้ขัดอะไรกับในเรื่อง ของรัฐธรรมนูญ เจตนาของรัฐธรรมนูญในการ ห้ามถือหุ้นสื่อ ต้องทําความเข้าใจสิ่งนี้ออกไป
ประเด็นที่ 3 การฝ่าด่าน สว.ซึ่งต้องไปโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งวันนี้ ยังไม่มีสัญญาณบวก จากช่วงแรกมีรายงานว่าจะมีสว.ร่วมโหวตให้ 16 คน แต่ตอนนี้เงียบหายไป ซึ่งสว.เองก็สงวนท่าทีมากขึ้น