คัดลอก URL แล้ว
ผู้เชี่ยวชาญเตือน ความเสี่ยงจาก AI อาจนำสู่หายนะของมนุษยชาติ ไม่ต่างจากนิวเคลียร์

ผู้เชี่ยวชาญเตือน ความเสี่ยงจาก AI อาจนำสู่หายนะของมนุษยชาติ ไม่ต่างจากนิวเคลียร์

ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI หลายคน รวมถึงหัวหน้า OpenAI และ Google Deepmind ได้ออกมาเตือนถึงความกังวลต่อการพัฒนาของ AI หรือปัญญประดิษฐ์ที่กำลังมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีของโลกในขณะนี้ ว่า มีความเสี่ยงต่อการนำพามนุษยชาติไปสู่หายยนะ หรือการล่มสลายของอารยธรรมมนุษย์ และเรื่องนี้ควรถือเป็นความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้น ในระดับเดียวกับโรคระบาด หรือ สงครามนิวเคลียร์

โดยทาง Center for AI Safety (CAIS) ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการพัฒนา AI สู่การนำไปใช้อย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นการร่วมตัวของผู้เชี่ยวชาญด้าน AI หลายคนได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อสนับสนุนแนวทางในการสร้างกรอบของการพัฒนา AI ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ว่า

ในการพัฒนา AI ให้มีความสามารถต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง สามารถสร้างภาพ ข้อความ หรือคลิปวิดีโอต่าง ๆ ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสังคม และก่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างมาก แต่ภายใต้ความสามารถเหล่านั้น มีความเสี่ยงอย่างร้ายแรงหากพัฒนา AI ไปใช้ในทิศทางอื่น ๆ

ซึ่งในความสามารถที่เกิดขึ้น AI สามารถจะถูกผลักดันไปใช้เพื่อสร้างความขัดแย้งทางสังคม พัฒนาอาวุธร้ายแรง หรือสร้างการโจมตีทางไซเบอร์ได้ โดยผู้เชี่ยวชาญจาก CAIS ได้ประเมิน 8 ความเสี่ยงที่ AI จะถูกนำไปพัฒนาในทางที่ผิดและนำไปสู่หายนะของมนุษยชาติได้

โดยทั้ง Sam Altman ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OpenAI ผู้ผลิต ChatGPT, Demis Hassabis หัวหน้าทีมของ Google DeepMind และ Dario Amodei แห่ง Anthropic ต่างก็สนับสนุนแถลงการณ์นี้

AI สู่อาวุธทำลายล้าง

ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมองว่า การนำ AI มาใช้ในการพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูงนั้น มีความเสี่ยงอย่างมาก การเรียนรู้ของ AI ที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสู้รบทางอากาศ หรือ เรียนรู้และพัฒนาสารเสพติด หรืออาวุธเคมีได้

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิจัยได้มีการทดลองพัฒนาระบบ AI ในรูปแบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานเป็นอาวุธ ไม่ว่าจะเป็น

นอกจากนี้ในการพัฒนาระบบการตอบสนองต่ออุบัติเหตุแบบอัตโนมัติ ยังพบว่า มันสามารถยกระดับการตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และสามารถยกระดับไปสู่การก่อให้เกิดสงครามขนาดใหญ่ได้

ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นว่า ในอนาคตการพัฒนา AI ที่ชาญฉลาดจะสร้างข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมาก หากสร้างระบบ AI ติดอาวุธที่ทรงพลังขึ้นได้ แม้ว่าหลายประเทศจะรับรองความปลอดภัยในการพัฒนาว่า จะไม่สร้างเทคโนโลยี AI ที่นำไปสู่การทำลายล้าง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเข้าถึง AI ที่ง่ายขึ้น ก็เปิดโอกาสให้ผู้ไม่หวังดีพัฒนา AI ที่ก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน

บิดเบือนข้อมูล สร้างความขัดแย้ง

การที่ AI สามารถสร้างข้อมูลผิด ๆ และเนื้อหาที่มีความน่าเชื่อถือจะส่งทำให้สามารถโน้มน้าวผู้อื่นเกี่ยวกับความเชื่อ อุดมการณ์ทางการเมืองได้มากขึ้น กิจกรรมบิดเบือนข้อมูลต่าง ๆ จะส่งผลกระทบได้กว้างมากขึ้น

ซึ่งความสามารถของ AI ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ อย่างบรรดา Generative AI ที่สามารถสร้างภาพบุคคลต่าง ๆ ได้อย่างแนบเนียนจนมนุษย์เริ่มไม่สามารถที่จะแยกออกได้ว่า ภาพใดคือภาพจริง ภาพใดคือภาพที่ AI สร้างขึ้น ในขณะที่การสร้างเสียงเลียนแบบบุคคลต่าง ๆ ก็เริ่มทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จากเสียงต้นฉบับในสื่อฯ ต่าง ๆ นำไปสู่การเรียบเรียงและสร้างข้อความใหม่ที่แนบเนียนกว่าการตัดต่อเสียงในรูปแบบเก่า

เมื่อการสร้างภาพ และสร้างเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้น นั่นหมายถึงการสร้างวิดีโอที่แนบเนียนมากยิ่งขึ้น และนั่นจะนำไปสู่การสร้างข้อมูลที่บิดเบือนได้อย่างแนบเนียน น่าเชื่อถือ และสร้างความเข้าใจผิดได้มากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น

ซึ่งความก้าวหน้าของ AI นั้นจะขยายขนาดของการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้รวดเร็ว กว้างขวาง ส่งผลต่อการตัดสินใจของมนุษย์ ก่อให้เกิดอคดิ การเลือกปฏิบัติ การกีดกัน หรือไม่เป็นธรรมได้มากยิ่งขึ้นไปอย่างทวีคูณ และในท้ายที่สุด ข้อมูลผิด ๆ เหล่านั้นจะสร้างความขัดแย้ง และทำลายความไว้ใจของสังคม หรือทำลายกรอบของศีลธรรมที่มีอยู่จนแทบหมดสิ้น

มนุษย์สู่การสูญสิ้นศักยภาพ

ความฉลาด และความสามารถของ AI ที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้มนุษย์พึ่งพาเครื่องจักรและ AI มายิ่งขึ้นและนำไปสู่การสูญเสียความสามารถต่าง ๆ ได้มากขึ้น ไม่ต่างจากในภาพยนต์เรื่องต่าง ๆ ที่ทำให้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการพึ่งพาเครื่องจักรต่าง ๆ อย่างสมบูรณ์

ในขณะที่ปัจจุบัน การสร้างภาพที่ใช้การเรียนรู้จากต้นฉบับ กำลังเป็นข้อวิพากษณ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อ AI สามารถสร้างภาพถ่าย ภาพวาด ผ่านการเรียนรู้ ลอกเลียนแบบงานต้นฉบับ และสร้างชิ้นงานใหม่อย่างไม่จำกัด ซึ่งนั่นอาจจะส่งผลกระทบต่อการสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ ๆ โดยมนุษย์ได้นั่นเอง

ซึ่งในกรณีเหล่านี้เคยเกิดขึ้นแล้ว เช่นกรณีของเพลงที่ชื่อว่า “Heart on My Sleeve” โดยผู้ใช้ Tiktok ghostwriter977 ได้ใช้ AI ในการสร้างสรรค์เพลงนี้ขึ้น และมีการสร้างเสียงเสมือนของ นักดนตรีชาวแคนาดา Drake และ The Weeknd เมื่อเดือนเมษายน 2023 ที่ผ่านมา และมีผู้เข้าชมหลายหล้านครั้งในเวลาไม่นาน

นำไปสู่การตั้งคำถามถึงความถูกต้องทางด้านกฏหมายและจริยธรรมของการสร้างเพลงจาก AI เหล่านี้ และนั่นเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับที่ชิ้นงาน ๆ อื่น ไม่ว่าจะเป็น นิยาย บทความ นิทานต่าง ๆ ที่ AI สามารถสร้างขึ้นได้นับร้อยเรื่องภายในเวลาไม่กี่นาที ในขณะที่นักเขียนอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีในการเรียบเรียง


ข้อมูล :


ข่าวที่เกี่ยวข้อง