หน่วยงานกํากับดูแลพลังงานของออสเตรเลีย (AER) เตรียมที่จะปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้าอีก 20 – 25% สูงกว่าร่างที่เคยเสนอในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
…
โดยตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2023 ผู้ใช้ไฟฟ้าในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ และรัฐเซาท์ออสเตรเลีย จะมีการปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้า เพิ่มขึ้นระหว่าง 19.6 ถึง 24.9% ในขณะที่กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กต้องเผชิญกับการเพิ่มขึ้นระหว่าง 14.7% ถึง 28.9% ในขณะที่รัฐวิกตอเรีย ก็มีการประมาณการณ์กันว่า จะมีการปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้าที่ 25% เช่นเดียวกัน
ซึ่งเหตุผลของการขึ้นราคาในครั้งนี้ ระบุว่า เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่ยังสูงขึ้นส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าจำเป็นต้องปรับตัวสูงขึ้น และการปรับขึ้นราคาในระดับดังกล่าวนี้ ถือเป็นราคาที่ทางรัฐบาลออสเตรเลียได้เข้าไปทำการแทรกแซงราคา เพื่อปรับลดค่าพลังงานให้ต่ำที่สุด
ซึ่งเป็นผลมาจากการจำกัดราคาถ่านหินและก๊าซในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และหากไม่มีการแทรกแซงราคาจะส่งผลให้ราคาค่าพลังงานปรับราคาเพิ่มสูงถึง 35 -50%
EDITOR NOTE : ในแต่ละรัฐของออสเตรเลียจะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าที่แตกต่างกัน เช่น เสาไฟฟ้า สายไฟฟ้า ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าในแต่ละรัฐไม่เท่ากัน
กระทบหลายแสนครัวเรือน
ในการประกาศปรับขึ้นราคาค่าไฟฟ้าในครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อครัวเรือนใน 3 รัฐ นั่นคือ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ และรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ประมาณ 6 แสนครัวเรือน
ราคาค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้นในครั้งนี้ จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2023 เป็นต้นไป และคาดว่าจะใช้ราคานี้ต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือน ทำให้สภาบริการสังคมแห่งออสเตรเลีย (ACOSS) ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือเพิ่มผู้ที่มีรายได้น้อยเพิ่มขึ้น รวมถึงผู้ที่ยังอยู่ในระหว่างการหางานให้ได้รับเงินสวัสดิการเพิ่มขึ้น
ซึ่งในแต่ละรัฐ ได้เตรียมความช่วยเหลือเพิ่มเติมเช่นการให้ส่วนลด และการสนับสนุนอื่น ๆ สูงสุด 500 ดอลลาร์ต่อครอบครัว และ 650 ดอลลาร์ สำหรับในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อลดภาระแรงกดดันจากต้นทุนค่าครองชีพที่ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังคงมองว่า การช่วยเหลือที่เกิดขึ้นนั้นยังคงน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับภาระค่าใช้จ่ายที่ประชาชนจะต้องเผชิญ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย
ซึ่งรัฐบาลกลางของออสเตรเลียได้มีโครงการสนับสนุนงบประมาณเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ชาวออสเตรเลียที่มีรายได้น้อยให้เปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานในบ้านเรือน เป็นรุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากกว่า เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย ควบคู่กับการลดการใช้พลังานไปด้วย นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังรวมถึงการสนับสนุนให้มีการติดตั้งโซลาร์เซลล์ในครัวเรือนด้วย
แต่บางส่วนมองว่า นั่นยิ่งส่งผลกระทบให้กับผู้มีรายได้น้อยไม่มีเงินมากพอที่จะเปลี่ยนอุปกรณ์รุ่นใหม่ ๆ ได้อีกครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้ บ้านเรือนจำนวนไม่น้อยเป็นสินทรัพย์ของนักลงทุนด้านอสังหาฯ ซึ่งส่วนใหญ่มองว่า การลงทุนกับเทคโนโลยีเช่น การติดตั้งโซลาเซลล์นั้น ไม่ได้ให้ประโยชน์ หรือผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ส่งให้ ผู้เช่ายังคงต้องเผชิญค่าพลังงานสูงขึ้นเช่นเดิม
ข้อมูล – https://www.aer.gov.au/news-release/aer-releases-final-determination-for-2023%E2%80%9324-default-market-offer