วันที่ 26 พ.ค. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายธเนตร วงษา อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายเอกรินทร์ นิลสวัสดิ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาปี 49 ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาให้เร็วที่สุดเพื่อประเทศไทยจะได้เดินหน้า และเป็นผลดีในการทำธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ
นายธเนตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเองไม่ใช่สีแดงไม่ใช่สีส้มแต่เป็นผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง เป็นคนรักประชาธิปไตยครั้งนี้เป็นมติมหาประชาชนที่ประชาชนคนไทยลงมติให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยตนขอสนับสนุน
ส่วนที่มีประเด็นพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยแย่งตำแหน่งประธานสภานั้น ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะว่าเป็นการแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง และคิดว่าเดินหน้ากันต่อได้เพราะเป็นมติของประชาชนชัดเจนและคิดว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่มีคะแนนธรรมชาติ มีคะแนนที่ได้มาจากเสียงของประชาชนจริงๆเป็นความต้องการของประชาชนจริงๆ ส่วนตัวชอบนโยบาย 300 นโยบายของพรรคก้าวไกลโดยเฉพาะเรื่องสุราก้าวหน้าเรื่องสมัครใจเป็นทหาร เรื่องกระจายอำนาจเลือกตั้งผู้ว่าจะทำให้ประเทศไทยเจริญไปทุกจังหวัด
นายธเนตร ยังกล่าวอีกว่า ส่วนถ้าพรรคก้าวไกลไม่ได้จะตั้งรัฐบาล แต่กลับต้องเป็นฝ่ายค้าน ตนมองว่ารอบหน้าอีก 4 ปี พรรคก้าวไกลจะได้ตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียว หากเป็นเช่นนั้นจริงๆตนรอได้
ส่วนกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ยังต้องมีการตรวจสอบกรณีเรื่องถือหุ้นสื่อนั้น ตนมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งเพราะนักวิชาการออกมาระบุว่าหุ้นน้อยมากไม่สามารถที่จะบงการอะไรได้และสื่อITV ก็ปิดไปนานแล้ว เรื่องหุ้นไม่น่าจะมีปัญหา
ด้านนายเอกรินทร์ นิลสวัสดิ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาปี 49 ได้กล่าวแสดงความเห็นเกี่ยวกับทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของส.ว. ว่าจริงๆ ส.ว.ต้องเคารพเสียงประชาชน เพราะว่า ส.ว.ที่แต่งตั้งขึ้นมาจากกระบวนการรัฐธรรมนูญปี 60 แต่สุดท้ายแล้ว ส.ว.ก็ไม่น่าจะมาก้าวล่วงในสิทธิของประชาชน ควรให้อิสระในการโหวตเพื่อให้ได้เลือกคนที่เป็นไอดอลของประเทศไทย 14 ล้านเสียง มีความเหมาะสมที่สุด