คัดลอก URL แล้ว
เจรจา ขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ คืบหน้า แต่ยังไม่ชัดเจน

เจรจา ขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ คืบหน้า แต่ยังไม่ชัดเจน

สถานการณ์ของการเจรจากันระหว่าง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน พรรคเดโมเแครต กับ นายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาฯ จากพรรครีพับลิคกัน ยังคงไม่มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนในการขยายเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีเส้นตายอยู่ที่ 1 มิ.ย. นี้ และหากไม่สามารถผ่านข้อกฏหมายขยายเพดานหนี้ได้ทัน จะส่งผลให้สหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ และจะส่งผลกระทบต่อตลาดเงินในประเทศ และเชื่อมโยงไปถึงต่างประเทศ

ซึ่งในรายงานล่าสุดระบุว่า การเจรจานั้น เดินหน้าเข้าใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงในการเพิ่มเพดานหนี้ พร้อมทั้งมีการจำกัดค่าใช้จ่ายควบคู่ไปได้ และตัวเลขของทั้งสองฝ่ายดูจะเข้าใกล้ความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น แต่เป็นเพียงกระแสข่าวรายงานออกมาเท่านั้น และยังไม่ได้ข้อสรุปถึงรายละเอียดต่าง ๆ

โดยในประเด็นที่เกิดขึ้นจากการเจรจายังคงมีความขัดแย้งกันอยู่ในบางประเด็น โดย นายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาฯ นั้นมีความต้องการให้รัฐบาลสหรัฐฯ ปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง ในขณะที่ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับการลดค่าใช้จ่ายที่อาจส่งผลกระทบต่อโครงการต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังคงคาดการณ์กันว่า การขยายแพเดานหนี้ในครั้งนี้ จะทันกำหนดเส้นตาย เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่น่าจะปล่อยให้มีการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์นี้อย่างแน่นอน เพราะจะส่งผลกระทบอย่างหนัก และยาวนาน

กระทบตลาดหุ้นสหรัฐฯ – ยุโรป

หุ้นสหรัฐฯ และยุโรปได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนักลงทุนยังคงวิตกกับเส้นตาย 1 มิ.ย. ซึ่งหากรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงไม่สามารถขยายเพดานหนี้ได้ทัน จะส่งผลให้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดเงินทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ

โดยตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงอย่างหนักในช่วงวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากความไม่ชัดเจนของการเจรจาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ รวมถึงผลกระทบที่คาดว่า จะเกิดขึ้น หากสหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้

ซึ่งตลาดหุ้นยุโรปหลายตัว ได้ปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 3 แล้ว ดัชนี STOXX Europe 600 , ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส, ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน รวมถึง DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี

ชาวอเมริกันเริ่มวิตกกังวลมากขึ้น

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น จากความไม่ชัดเจนว่า จะผ่านร่างกฏหมายในการขยายเพดานหนี้ได้ทันกำหนดเวลาหรือไม่ กำลังสร้างความกังวลให้กับชาวอเมริกันมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่ต้องพึ่งพาเงินประกันสังคม ซึ่งมีกำหนดในการจ่ายเงินงวดแรกในวันที่ 2 มิ.ย. นี้ ในกลุ่มผู้ที่เกษียณอายุและกลุ่มเปราะบางราว 60 กว่าล้านคน และยังมีอีกหลายกลุ่มที่จะทยอยได้รับเงินประกันสังคมในช่วงเดือน มิ.ย. นี้

ซึ่งคนในกลุ่มนี้ต่างรู้สึกกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากจะกลายเป็นกลุ่มคนแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบทันที หากไม่สามารถผ่านกฎหมายการขยายเพดานหนี้ดังกล่าวได้ และการจ่ายเงินประกันสัมคงก็ต้องเลื่อนออกไปอีก

ฟิทช์เรทติ้งประกาศให้ “เครดิตพินิจในเชิงลบ” สหรัฐฯ

Fitch Ratings บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ภายหลังจากมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ จากการที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ และยังไม่มีความชัดเจนว่า จะสามารถผ่านกฏหมายได้ทันกำหนดหรือไม่

โดยทางฟิทช์ยังคงจัดอันดับให้สหรัฐฯ อยุ่ในระดับ “AAA” ซึ่งอยู่ในระดับสูงที่สุด แต่ได้มีการประกาศอยู่ในเครดิตพินิจในเชิงลบ (Rating Watch Negative) พร้อมกับระบุว่า อาจจะมีการปรับลดความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ลง เนื่องจากมีตัวแปรที่สำคัญจากประเด็นของความคืบหน้าในการขยายเพดานหนี้ที่ยังไม่ชัดเจน และสะท้อนปัญหาทางการเมืองของรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งทางฟิทช์ แสดงความคาดหวังว่า สหรัฐฯ จะสามารถดำเนินการผ่านข้อกฎหมายในการขยายเพดานหนี้ได้ทันเวลา


ข้อมูล :


ข่าวที่เกี่ยวข้อง