หนึ่งในประเด็นร้อนทางการเมืองระหว่างพรรคก้าวไกล – เพื่อไทย ในเรื่องของตำแหน่งประธานสภาฯ โดยรศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. มองว่า หน้าที่ของประธานสภาฯ นั้นถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญในรัฐสภา ดังนั้นทั้งก้าวไกล และเพื่อไทยต่างก็อยากได้ในตำแหน่งนี้
โดยในมุมของเพื่อไทย ก็มองว่า ในเมื่อก้าวไกลได้ตำแหน่งนายกฯ ไปแล้ว ตำแหน่งใหญ่อย่างประธานสภาฯ ก็ควรแบ่งมาทางเพื่อไทยบ้าง แต่หากก้าวไกลจะรั้งไว้ ก็จำเป็นต้องแลกกับตำแหน่งใหญ่ในสภาเช่นกัน ดังนั้นช่วงเวลาที่เหลือคือเป็นเรื่องของการเจรจา
![](https://mono29.com/app/uploads/2023/05/toptalk-daily-sp-03-819x1024.jpg)
ทางด้านของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ระบุว่า
ส่วนตัวก็เห็นใจพรรคก้าวไกล และก็เข้าใจพรรคเพื่อไทยด้วย ซึ่งทั้งสองตำแหน่งถือเป็นตำแหน่งที่สำคัญ ในขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียวของก้าวไกล ก็มีประเด็นเรื่องคุณสมบัติ (ถือหุ้นสื่อฯ) อยู่ ดังนั้น ถ้าคุณพิธา โชคร้าย แคนดิเดตนายกฯ ก็จะไปถึงพรรคเพื่อไทย ตำแหน่งประธานสภาก็ไปอยู่กับเพื่อไทยอีก ก้าวไกลก็จะไม่เหลืออะไรเลย ดังนั้นในระยะเวลาที่เหลือให้เวลาทำงานไป
![](https://mono29.com/app/uploads/2023/05/toptalk-daily-sp-08-819x1024.jpg)
ซึ่ง รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ยังมองว่า เพื่อไทยยังคงเป็นต่อในภาพรวมของสภา เนื่องจากความสัมพันธ์ ความคุ้นเคยกัน เพื่อไทยเคยคบมาทุกพรรค รู้จักหมด ดังนั้นจึงได้เปรียบกว่า ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ก็อยู่ที่ว่า 500 เสียงในสภาจะว่าอย่างไร หาก 313 เสียงคุยกันไม่จบ เสียงข้างน้อยในสภาก็จะเป็นตัวบอกว่า เลือกใคร
![](https://mono29.com/app/uploads/2023/05/qoute-top-talk-daily-11-819x1024.jpg)
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้ระบุเพิ่มเติมว่า เรื่องตำแหน่งที่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุดในขณะนี้คือ ประธานสภาฯ ส่วนตำแหน่งนายกฯ นั้นยังไกลเกินฝัน เพราะต้องไม่ลืมว่า 313 เสียงในขณะนี้ ก็ยังคงขาดอีก 63 เสียง เพื่อให้ได้ 376 เสียงในการโหวตเลือกนายกฯ ดังนั้นทั้งสองพรรคจึงเล็งที่ตำแหน่งประธานสภาฯ ซึ่งมันได้จริง
เพราะถ้าไม่ถึง 276 เสียงตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็มีค่าเท่ากับศูนย์ แม้จะมีเสียง สว.มาบ้าง ก็เหมือนฝนชะโลมใจ ส่งดอกไม้ให้กำลังใจ แต่ให้รวมยังไงก็ไม่ถึง 63 เสียง
![](https://mono29.com/app/uploads/2023/05/toptalk-daily-sp-07-819x1024.jpg)