คัดลอก URL แล้ว
ตำรวจไซเบอร์ทลายโกดังแก๊งจีน ตีเนียนส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทาง

ตำรวจไซเบอร์ทลายโกดังแก๊งจีน ตีเนียนส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทาง

KEY :

วันที่ 24 เม.ย.66 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นโกดัง 2 แห่งย่านบางนา พร้อมร่วมกันจับกุมตัว นางสาวสุรีพร อายุ 30 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากว่าได้รับความเดือดร้อนจากการที่มีพัสดุเก็บเงินปลายทางมาส่ง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นบุคคลในครอบครัวหรือคนที่รู้จักส่งพัสดุมาให้ จนตัดสินใจจ่ายเงินให้ไป ทำให้เดือดร้อนและเกิดความเสียหาย โดยมีผู้หลงเชื่อชำระเงินไปเป็นจำนวนมาก

โดยจุดที่น่าสนใจเป็นการเข้าตรวจค้นโกดังเก็บของรับของจำนวน 2 แห่ง ภายในซอยบางนา-ตราด 17 แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กทม. ซึ่งลักษณะเป็นโกดังให้เช่า โดยโกดังแห่งแรกเป็นโกดังเก็บพัสดุสินค้า จากการตรวจสอบพบพัสดุสินค้าหลายรายการ ภายในบรรจุสินค้าหลายรายการ อาทิ เครื่องสำอาง, รองเท้า, เสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบกล่องพัสดุเปล่าที่เตรียมแพ็คของสุ่มส่งลูกค้า และสติกเกอร์รายชื่อที่อยู่ของเหยื่อที่ถูกทำลายเป็นจำนวนมาก อีกทั้ง ยังได้ตรวจค้นในสำนักงาน พบคอมพิวเตอร์ซึ่งมีรายชื่อของผู้รับถูกบันทึกไว้อย่างละเอียดในระบบคอมพิวเตอร์ และยังมีสินค้าตีกลับอีกนับหมื่นรายการ

จุดที่สองเป็นโกดังสำหรับแพ็กพัสดุที่รอทำการส่ง พบชั้นวางกล่องพัสดุที่ถูกตีกลับ และกระสอบใส่กล่องพัสดุที่ถูกตีกลับกว่าหมื่นกล่อง รวมทั้งบาร์โค้ดที่ใช้สำหรับส่งของพัสดุ พร้อมควบคุมตัวผู้ดูแลจำนวน 1 ราย

โดยสินค้าทั้งหมดนำเข้ามาจากจีน จากนั้นผู้ต้องหาจะนำชื่อที่อยู่ของผู้รับจากระบบคอมพิวเตอร์พิมพ์ลงกระดาษแปะลงหน้ากล่องพัสดุ ก่อนจะนำไปส่งต่อยังบริษัทรับส่งพัสดุ เพื่อนำส่งไปตามที่อยู่ที่ระบุหน้ากล่อง ซึ่งทั้งหมดจะถูกเก็บเงินปลายทางยังผู้รับทุกวัน โดยแต่ละวันจะส่งวันละหลายร้อยกล่อง ที่ผ่านมาก็ถูกตีกลับเกินครึ่ง และหากสินค้าที่ถูกตีกลับมา จะนำลอกชื่อหน้ากล่องออก แปะข้อมูลของอีกคนเข้าไปแทน จากนั้นดำเนินการส่งใหม่อีกรอบ ทำซ้ำ ๆ วนไปแบบนี้เป็นวงจรปกติ

จากแนวทางสืบสวนทราบว่า ขบวนการนี้ทำมาไม่ต่ำกว่า 5 เดือน มีเงินหมุนเวียนจากการหลอกลวงประชาชนกว่า 20 ล้านบาท อีกทั้ง จากการตรวจสอบฐานข้อมูลในรายชื่อ พบรายชื่อเหยื่อกว่า 2.5 หมื่นราย ส่งสำเร็จ 1.6 หมื่นราย และตีกลับ 7 พันราย และชุดสืบสวนได้พิสูจน์ทราบ และรู้ตัวผู้เช่าอาคารดังกล่าวที่เป็นคนจีนแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับเพิ่มเติมต่อไป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง