คัดลอก URL แล้ว
“พาณิชย์” ตรวจตลาด บรรยากาศซื้อขายสงกรานต์สุดคึกคัก แนวโน้มราคาหลายรายการลดลง

“พาณิชย์” ตรวจตลาด บรรยากาศซื้อขายสงกรานต์สุดคึกคัก แนวโน้มราคาหลายรายการลดลง

กรมการค้าภายในตรวจตลาดเวิลด์มาร์เก็ต เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ บรรยากาศการซื้อขายช่วงเทศกาลสงกรานต์สุดคึกคัก ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยกว่าในช่วงเกิดสถานการณ์โควิด-19 เผยสินค้ามีเพียงพอ ทั้งอาหารสด  ผัก ผลไม้ ส่วนราคาหลายรายการปรับลดต่อเนื่อง ย้ำจะส่งทีมออกตรวจสอบสถานการณ์สินค้าในช่วงเทศกาลอย่างใกล้ชิด ทั้งตรวจเครื่องชั่ง การปิดป้ายราคา การเอารัดเอาเปรียบ หากพบดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด

นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์การจับจ่ายซื้อสินค้าของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ตลาดเวิลด์มาร์เก็ต เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ว่า จากการตรวจสอบ พบว่า บรรยากาศการซื้อขายสินค้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ มีความคึกคักกว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยปริมาณสินค้ามีเพียงพอกับความต้องการ ทั้งในกลุ่มอาหารสด  ผัก ผลไม้ ของแห้ง และสถานการณ์ด้านราคา มีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นข้อดี ที่จะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน และกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และทำให้เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อนได้ดีขึ้น

สำหรับผลการสำรวจราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดในตลาด พบว่า มีราคาใกล้เคียงกับราคาที่กรมฯ ได้ทำการสำรวจทั่วประเทศ ไม่ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหมูเนื้อแดง ราคากิโลกรัม (กก.) ละ 150 บาท เนื้อไก่ แบ่งเป็นน่องไก่สติดสะโพก ราคา 75 บาท/กก. น่องไก่ ราคา 75 บาท/กก. สะโพก ราคา 80 บาท/กก. และเนื้ออก ราคา 75 บาท/กก. ขณะที่ไข่ไก่ เบอร์ 3 ราคา 3.7 บาท/ฟอง เป็นต้น

ส่วนราคาผักสด มีการปรับราคาเพิ่มและลดตามสภาวะอากาศและภาวะความต้องการ โดยผักที่มีแนวโน้มปรับลดลงจากเดือนก่อน ได้แก่ ผักคะน้า กก.ละ 30 บาท ถั่วฝักยาว กก.ละ 50 บาท กะหล่ำปลี กก.ละ 30 บาท กวางตุ้ง กก.ละ 25 บาท ผักกาดขาวปลี กก.ละ 30 บาท ผักบุ้งจีน กก.ละ 30 บาท เป็นต้น ส่วนผักที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ ต้นหอม ผักชี พริกขี้หนูจินดา เป็นต้น แต่เป็นการปรับเพิ่มขึ้นในระยะสั้น จากผลกระทบของสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ปริมาณผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดลดลงเป็นช่วงสั้น ๆ ส่วนมะนาวราคายังคงที่จากเดือนก่อน โดยราคาเบอร์ 1-2 กทม อยู่ที่ 6-8 บาท ราคาเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 5 บาทต่อลูก ซึ่งมะนาวในช่วงหน้าร้อน (มี.ค-เม.ย) จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณผลผลิตน้อย โดยจะกลับมาให้ผลผลิตมากในช่วงเดือน พ.ค.2566 เป็นต้นไป และหลังจากนั้น ราคาจะปรับตัวลดลง ทั้งนี้ ในส่วนของกรุงเทพฯ กรมฯ ได้จัดรถโมบายนำมะนาวราคาส่งไปจำหน่ายให้กับประชาชนตลอดทั้งเดือนเม.ย.2566 ด้วย เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ

“กรมฯ ได้ประสานและขอความร่วมมือไปยังสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มผักบางชนิด รวมถึงมะนาว หากจังหวัดไหนมีปัญหาผลผลิตขาด ราคาปรับตัวสูงขึ้นจากผลกระทบช่วงหน้าแล้ง ก็จะเข้าไปเชื่อมโยงนำผลผลิตจากที่อื่นเข้าไปจำหน่ายทันที ซึ่งที่ผ่านมา ทำสำเร็จในส่วนของมะนาว ที่ได้ทำการเชื่อมโยงมะนาวจากแหล่งผลิตในจังหวัดราชบุรี เพชรบุรี และพิจิตร ไปเปิดจุดจำหน่ายในหลายจังหวัด ประกอบด้วยประจวบคีรีขันธ์ พังงา ลพบุรี สงขลา ภูเก็ต ขอนแก่น สงขลา ตรัง และพิษณุโลก สามารถช่วยบรรเทาผลกระทบ และลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนและร้านอาหารได้มาก”นายกรนิจกล่าว

นายกรนิจกล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ กรมฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้บริโภค โดยจะตรวจสอบทั้งเครื่องชั่ง ที่ต้องถูกต้อง เที่ยงตรง และตรวจสอบการปิดป้ายแสดงราคาสินค้า รวมทั้งคุมเข้มการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาโดยไม่สมเหตุสมผล โดยหากพบการกระทำผิด จะดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด โดยความผิดเรื่องชั่งตวงวัด มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 2.8 แสนบาท ไม่ปิดป้ายแสดงราคาปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และฉวยโอกาสหรือค้ากำไรเกินควร จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ จะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบทันที และหากพบการกระทำความผิด ก็จะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด


ข่าวที่เกี่ยวข้อง