จากกรณีเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566 สน.ทองหล่อได้รับแจ้งจากธนาคารกสิกรไทย สาขาเอ็มควอเทียร์ ว่ามีบุคคลต่างด้าวใช้เอกสารเดินทางปลอมมาใช้ในการขอทำสมุดบัญชีใหม่ จึงได้ไปตรวจสอบและพบว่า มีการใช้เอกสารเดินทางปลอมเป็นเจ้าของบัญชี ซึ่งในบัญชีดังกล่าวมีเงินมากถึง 176 ล้านบาท
กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ ดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวเพื่อขยายผลจับกุมโดยเร่งด่วน รวมทั้งตรวจสอบที่มาของเงินในบัญชีดังกล่าวว่า เงินจำนวนมากซึ่งมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ เช้ามาอยู่ในราชอาณาจักรได้อย่างไร
พฤติการณ์กล่าวคือ ตามวันเวลาเกิดเหตุ ได้มีกลุ่มคนไทยจำนวน 4 คน พร้อมด้วยชาวกัมพูชา 1 คนซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าของบัญชีดังกล่าว ได้นำเอาเอกสารเดินทางสัญชาติกัมพูชา เข้ามาติดต่อกับธนาคารเพื่อที่จะขอทำสมุดบัญชีเล่มใหม่ เพื่อจะใช้ในการถอนเงินออกจากบัญชีดังกล่าวได้ในอนาคต แต่ปรากฎว่าใบหน้าของชาวกัมพูชาดังกล่าวไม่ตรงกับใบหน้าของบุคคลเจ้าของบัญชี ธนาคารจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเพื่อมาตรวจสอบ
จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้มีความพยายามหลายครั้งในการมาขอถอนเงินออกจากบัญชีดังกล่าว แต่ไม่สามารถหาเอกสารตามที่ธนาคารต้องการมายื่นได้ ในส่วนของบัญชีดังกล่าวตรวจสอบทราบว่า มียอดเงินในบัญชีสูงถึง 176 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการทยอยโอนเงินสูงถึงหลักล้านบาทเข้าในบัญชีหลายครั้งตั้งแต่ปี 2561 คาดว่าจะเป็นเงินที่ได้จากกลุ่มแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ อยู่ในระหว่างสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ในเบื้องต้นได้มีการจับกุมดำเนินคดีชายชาวกัมพูชาดังกล่าว ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้างหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เงินในบัญชีดังกล่าว คาดว่าเป็นเงินของกลุ่มแก๊งค์ชาวจีนซึ่งกระทำผิดแล้วโอนเงินมารวมไว้ในบัญชีดังกล่าว ก่อนที่จะใช้ความพยายามในการถอนเงินออกจากบัญชีโดยการปลอมเอกสารเดินทางขึ้นมา ในชั้นนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลจับกุมคนไทยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งทราบว่ามีบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่มีส่วนร่วมด้วย ทั้งนี้หากพบผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดดังกล่าว จะให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด