เป้าหมายและแผนธุรกิจในปี 2566 ทาง บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ยังคงติดตามสภาวการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์อย่างรอบคอบและระมัดระวัง โดยเฉพาะต้นทุนค่าไฟฟ้าที่มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางบริษัทกำลังดำเนินแผนเพื่อย้ายฐานการขุดบิตคอยน์ไปยังต่างประเทศที่มีศักยภาพทั้งในด้านทรัพยากรต่าง ๆ และการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต่ำ และสามารถบริหารจัดการเครื่องขุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมยกระดับให้เป็น Global BTC Mining Farm
ในส่วนของ JTS Singapore ซึ่งดำเนินธุรกิจทางด้านพัฒนาซอฟท์แวร์ Cloud AI, Internet of Things (IoT) และ Fintech อยู่ระหว่างการพัฒนา Bitcoin & Lightning Platform เพื่อเป็น Enabler ให้กับทุกธุรกิจที่ต้องการรับ Bitcoin ไม่ว่าจะเป็น Enterprise, SME หรือ รายย่อย ผ่านโครงข่าย Bitcoin Lightning Network (Bitcoin Layer2) สามารถทำงานได้ง่าย เพื่อรองรับการชำระและส่งผ่าน Bitcoin ได้ทั่วโลก มีความปลอดภัยและรวดเร็วกว่าการส่งผ่านบิตคอยน์บนระบบ Mainnet ซึ่งสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน โดยรองรับ Feature ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น BTC Wallet, Saving, Point of Sale (POS) และ Back Office, Report & Analytics, Point-Reward & Membership ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะนําเสนอการประมวลผลการชําระเงินที่รวดเร็ว ปลอดภัย และช่วยส่งเสริม Bitcoin Ecosystem ในการนำมาใช้งานในภาคธุรกิจและชีวิตประจำวันได้
บริษัท จัสเทล เนทเวิร์ค จำกัด (Jastel) ซึ่งเป็นบริษัทภายในกลุ่มบริษัท JTS ยังคงดำเนินการขยายธุรกิจ Data Center อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ให้บริการทางด้าน OTT และ Content จากต่างประเทศ รวมถึงความร่วมมือครั้งใหม่กับผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลกซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเป็นพันธมิตร เพื่อยกระดับการให้บริการไปยัง AI Platform Service, Cloud Data Warehouse, Industrial IoT, Serverless Application Center, Enterprise Application จากความร่วมมือนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถให้กับกลุ่มบริษัท JTS ในการจัดหาโซลูชัน และการสนับสนุนที่เป็นนวัตกรรมใหม่สําหรับลูกค้า
นายดุสิต ศรีสง่าโอฬาร กรรมการและกรรมการผู้จัดการของ JTS กล่าวว่า “การขยาย Datacenter และการจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลกจะทำให้เราสามารถ ตอบโจทย์ความต้องการทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ให้กับลูกค้าของเราได้ดียิ่งขึ้น ส่วนการย้ายเหมืองขุดบิตคอยน์ของเรา จำนวน 3,500 เครื่อง คิดเป็นกำลังขุดที่ 423,000 Terrahash/s จากประเทศไทยไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้า ด้วยความสามารถของกำลังการขุดนี้ จะทำให้ได้บิตคอยน์คิดเป็นจำนวน 500 บิตคอยน์ต่อปี ในต้นทุนต่อเหรียญที่ถูกลง รวมถึงการพัฒนา Bitcoin & Lightning Platform ของเราแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางด้าน Fintech และยกระดับธุรกิจไปสู่ระดับ Global Scale”