คัดลอก URL แล้ว
Meta ประกาศเก็บเงินค่าสมาชิก “Blue Badge” สำหรับยืนยันตัวตน

Meta ประกาศเก็บเงินค่าสมาชิก “Blue Badge” สำหรับยืนยันตัวตน

KEY :

บริษัท Mata ซึ่งเป็นเจ้าของ Facebook.com หนึ่งในโซเซียลมีเดียรายใหญ่ ประกาศจะมีการเก็บเงินค่าบริการยืนยันตัวตน หรือ Blue Badge เป็นรายเดือน เริ่มต้นที่เดือนละประมาณ 412 บาท สำหรับการใช้งานผ่านเว็บไซต์

โดยมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก เจ้าของ Meta ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ในสัปดาห์ทีทางเฟซบุ้กจะมีการเปิดบริการ Meta Verified ซึ่งเป็นบริการสำหรับสมาชิกที่ยืนยันบัญชีด้วยบัตรประจำตัวประชาชน ที่ออกโดยรัฐบาล เพื่อป้องกันการแอบอ้างบัญชีผู้อื่น โดยบัญชีแบบใหม่นี้ จะเพิ่มบริการใหม่ ๆ เพื่อความปลอดภัยและเป็นการยืนยันตัวบุคคลที่ใช้บริการให้มากขึ้น โดยจะมีค่าบริการเริ่มต้นที่

โดยจะมีการเริ่มต้นเปิดตัวในประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะเพิ่มบริการ Meta Verified นี้ไปยังประเทศอื่น ๆ ต่อไป

ลูกค้า Meta Verified จะได้อะไรบ้าง

สำหรับลูกค้า Meta Verified ที่เสียเงินค่าสมาชิกเป็นรายเดือนนั้น จะได้รับบริการต่าง ๆ เหล่านี้คือ

สำหรับบริการแบบใหม่นี้ ยังเป็นการเปิดให้สมัครได้สำหรับบัญชีส่วนบุคคลเท่านั้น แต่สำหรับบริษัท ห้างร้าน หรือหน่วยงานต่าง ๆ ยังไม่สามารถใช้บริการได้ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม บริการนี้ยังคงมีข้อจำกัดเพิ่มเติมเช่น จะรองรับเฉพาะชื่อ-นามสกุลจริงที่ได้รับการยืนยันแล้วเท่านั้น จะไม่สามารถเปลี่ยนข้อมูลสำคัญบางอย่างเช่น ชื่อโปรไฟล์ ชื่อผู้ใช้งาน วันเดือนปีเกิด หรือภาพโปรไฟล์ของคุณ โดยไม่ผ่านการตรวจสอบจากทาง Facebook

ปัญหาสะสม หลังเดินหน้า Metaverse ?

หลังจากที่มีการประกาศออกมาก็มีกระแสต่าง ๆ พูดถึงอย่างต่อเนื่องถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเป็นประเด็นของการทำ Meta Verified นี้ เกิดขึ้นมาตามแนวทางของ Twitter ภายหลังจากอีลอน มัสก์ ได้ประกาศก่อนหน้านี้หรือไม่

ในขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่า ช่องทางการ Verified ของ Meta ในครั้งนี้ เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการหารายได้เสริมเข้ามาหล่อเลี้ยงธุรกิจ เนื่องจาก Meta ประสบปัญหาด้านการเงิน และมีการปลดพนักงานจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา

ซึ่งส่วนหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ถูกมองว่า เกิดจากการที่มาร์ค พยายามเดินหน้าผลักดัน Metaverse อย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และเม็ดเงินลงทุนจำนวนมากเหล่านั้นยังไม่มีทีท่าที่จะสร้างรายได้กลับคืนมา

ในขณะเดียวกัน ระบบของ Facebook เองที่มีอยู่ในขณะนี้ ก็ประสบกับปัญหาหลายอย่าง จนส่งผลให้รายได้ไม่เป็นไปตามเป้า ซึ่งแหล่งข่าวภายในบริษัท Meta เองต่างกล่าวถึง ปัญหาในความพยายามผลักดัน Metaverse อย่างมาก ส่งผลให้ทั้งเงินลงทุน และทีมงานถูกดึงไปพัฒนาระบบใหม่ของ Metaverse อย่างมาก จนทำให้ Facebook ประสบปัญหาต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการหยุดชะงักในการพัฒนาลูกเล่น ๆ ใหม่, การมาของ Tiktok ส่งผลให้ต้องสูญเสียผู้ใช้งานไปไม่น้อย แม้ว่าจะพยายามพัฒนา Reel ออกมาสู้ก็ตาม


ข้อมูล :


ข่าวที่เกี่ยวข้อง