คัดลอก URL แล้ว
“เต้ มงคลกิตติ์” ลงทุนก้มกราบลา ลั่น จะทำหน้าที่ส.ส. เป็นวันสุดท้าย ก่อนยื่นไขก๊อก 17 ก.พ.นี้ ขอบคุณที่ให้โอกาสได้เข้ามา

“เต้ มงคลกิตติ์” ลงทุนก้มกราบลา ลั่น จะทำหน้าที่ส.ส. เป็นวันสุดท้าย ก่อนยื่นไขก๊อก 17 ก.พ.นี้ ขอบคุณที่ให้โอกาสได้เข้ามา

วันนี้ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อเวลา 14.25 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาวาระญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา152 โดยนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ลุกขึ้นอภิปรายตอนหนึ่งซึ่งเป็นช่วงท้ายของเนื้อหาในญัตติฯว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในการอภิปรายครั้งนี้ เพราะตนจะทำหน้าที่วันนี้เป็นวันสุดท้าย กับสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ที่ตนภูมิใจ ก่อนที่ตนจะคืนอำนาจอธิปไตยที่มอบให้ตนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

วันนี้เป็นวันที่ตนทำหน้าที่ส.ส.ฝ่ายค้านเป็นครั้งสุดท้ายของสภาฯชุดนี้ ตนทำหน้าที่ฝ่ายค้านอิสระกว่า 3 ปี ทำหน้าที่ฝ่ายรัฐบาล 11 เดือน สามารถพูดได้เต็มปากว่าในกายตนเป็นส.ส.ที่มาจากประชาชนร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยความสุจริต ไม่ได้ซื้อเสียงมาแม้แต่คะแนนเดียว แม้คะแนนจะไม่มากนัก ได้มา 60,354 คะแนน ถึงแม้จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่สมบูรณ์แบบตามประชาธิปไตยก็ตาม ตนเดินทางไปทั่วประเทศ รับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนนำเสนอปัญหาทั้งทางตรงและทางอ้อมเสนอกฎหมายมากกว่า 6 ฉบับ ทั้งกระทู้สด และอภิปรายงบประมาณ ปี62-66 รวมถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติและไม่ลงมติ อย่างละ 3 ครั้ง หารือให้กับพี่น้องประชาชน 100 กว่าเรื่อง และเรื่องอื่นๆ อีกจำนวนมาก

ตนเป็นส.ส. ที่ร่วมทุกข์กับประชาชนเกือบทุกเหตุการณ์ ทั้งท้วงติงเสนอแนะรัฐบาลโดยไม่เกรงกลัวใดๆ แม้จะไม่ใช่นักการเมืองที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ และยังมีข้อบกพร่องอยู่ แต่หัวใจผมคิดอยู่อย่างเดียวคือจะทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชน 66 ล้านคน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สุขสบายขึ้น ยิ้มได้กว้างขึ้น ปัญหาน้อยลง แม้ว่าผมจะเหนื่อยมากก็ตาม ผมขอขอบคุณประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯทั้ง 2 คน รวมถึงเพื่อนส.ส.แห่งนี้

นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า แม้รัฐธรรมนูญปี 2560 จะบิดเบี้ยวทำให้ที่มาของส.ส.ไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่ตนก็ภูมิใจมากกว่าส.ว. ซึ่งอีก 2 วันข้างหน้า คือวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ผมก็จะคืนอำนาจอธิปไตยที่ประชาชน 66 ล้านคนมอบให้ผม เพื่อพิจารณาใหม่อีกครั้งในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 ผมอายุ 41 ปี พร้อมทุ่มเทชีวิตและวิญญาณเพื่อพี่น้องประชาชนชาวไทยให้ประเทศไทยของเราดีกว่าเดิมดี เหมือนสิ่งที่พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์สร้างไว้ จนกว่าจะหมดแรง และหมดลมหายใจไปขอขอบคุณประชาชน 66 ล้านคน ที่ให้โอกาสพรรคไทยศรีวิไลย์ และให้โอกาสตนในการปฏิบัติหน้าที่ส.ส. ที ตนจึงขอกราบลาสภาฯแห่งนี้

จากนั้นนายมงคลกิตติ์ได้เดินมาที่บริเวณหน้าบังลังก์ประธานที่ประชุม แล้วหันหน้ากลับมาหาสมาชิกส.ส.ในสภาฯ แล้วยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นได้นั่งคุกเข่าแล้วก้มลงกราบลาอีกครั้ง

ด้านนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ในฐานะประธานที่ประชุม กล่าวว่า ช่วงท้ายที่นายมงคลกิตติ์ อภิปราย ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาในญัตติ แต่นายมงคลกิตติ์ ก็ไม่ได้พูดกระทบคนอื่น ตนจึงเปิดโอกาสให้หาเสียงสักหน่อย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง