วันนี้ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อเวลา 14.25 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาวาระญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา152 โดยนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ลุกขึ้นอภิปรายตอนหนึ่งซึ่งเป็นช่วงท้ายของเนื้อหาในญัตติฯว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในการอภิปรายครั้งนี้ เพราะตนจะทำหน้าที่วันนี้เป็นวันสุดท้าย กับสภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ที่ตนภูมิใจ ก่อนที่ตนจะคืนอำนาจอธิปไตยที่มอบให้ตนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
วันนี้เป็นวันที่ตนทำหน้าที่ส.ส.ฝ่ายค้านเป็นครั้งสุดท้ายของสภาฯชุดนี้ ตนทำหน้าที่ฝ่ายค้านอิสระกว่า 3 ปี ทำหน้าที่ฝ่ายรัฐบาล 11 เดือน สามารถพูดได้เต็มปากว่าในกายตนเป็นส.ส.ที่มาจากประชาชนร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยความสุจริต ไม่ได้ซื้อเสียงมาแม้แต่คะแนนเดียว แม้คะแนนจะไม่มากนัก ได้มา 60,354 คะแนน ถึงแม้จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่สมบูรณ์แบบตามประชาธิปไตยก็ตาม ตนเดินทางไปทั่วประเทศ รับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนนำเสนอปัญหาทั้งทางตรงและทางอ้อมเสนอกฎหมายมากกว่า 6 ฉบับ ทั้งกระทู้สด และอภิปรายงบประมาณ ปี62-66 รวมถึงอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติและไม่ลงมติ อย่างละ 3 ครั้ง หารือให้กับพี่น้องประชาชน 100 กว่าเรื่อง และเรื่องอื่นๆ อีกจำนวนมาก
ตนเป็นส.ส. ที่ร่วมทุกข์กับประชาชนเกือบทุกเหตุการณ์ ทั้งท้วงติงเสนอแนะรัฐบาลโดยไม่เกรงกลัวใดๆ แม้จะไม่ใช่นักการเมืองที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ และยังมีข้อบกพร่องอยู่ แต่หัวใจผมคิดอยู่อย่างเดียวคือจะทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชน 66 ล้านคน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สุขสบายขึ้น ยิ้มได้กว้างขึ้น ปัญหาน้อยลง แม้ว่าผมจะเหนื่อยมากก็ตาม ผมขอขอบคุณประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯทั้ง 2 คน รวมถึงเพื่อนส.ส.แห่งนี้
นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า แม้รัฐธรรมนูญปี 2560 จะบิดเบี้ยวทำให้ที่มาของส.ส.ไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่ตนก็ภูมิใจมากกว่าส.ว. ซึ่งอีก 2 วันข้างหน้า คือวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ผมก็จะคืนอำนาจอธิปไตยที่ประชาชน 66 ล้านคนมอบให้ผม เพื่อพิจารณาใหม่อีกครั้งในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 ผมอายุ 41 ปี พร้อมทุ่มเทชีวิตและวิญญาณเพื่อพี่น้องประชาชนชาวไทยให้ประเทศไทยของเราดีกว่าเดิมดี เหมือนสิ่งที่พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์สร้างไว้ จนกว่าจะหมดแรง และหมดลมหายใจไปขอขอบคุณประชาชน 66 ล้านคน ที่ให้โอกาสพรรคไทยศรีวิไลย์ และให้โอกาสตนในการปฏิบัติหน้าที่ส.ส. ที ตนจึงขอกราบลาสภาฯแห่งนี้
จากนั้นนายมงคลกิตติ์ได้เดินมาที่บริเวณหน้าบังลังก์ประธานที่ประชุม แล้วหันหน้ากลับมาหาสมาชิกส.ส.ในสภาฯ แล้วยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นได้นั่งคุกเข่าแล้วก้มลงกราบลาอีกครั้ง
ด้านนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ในฐานะประธานที่ประชุม กล่าวว่า ช่วงท้ายที่นายมงคลกิตติ์ อภิปราย ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาในญัตติ แต่นายมงคลกิตติ์ ก็ไม่ได้พูดกระทบคนอื่น ตนจึงเปิดโอกาสให้หาเสียงสักหน่อย