KEY :
- จากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 แมกนีจุดในตุรกี เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 7,826 ราย
- เฉพาะในตุรกีที่มี 5,894 ราย ในขณะที่ซีเรีย 1,932 ราย และคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอีกทั้งสองประเทศ
- การช่วยเหลือยังคงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากการขาดอุปกรณ์ และเครื่องมือตัดเจาะเศษซากอาคาร
- นอกจากนี้ สภาพอากาศที่หนาวเย็นทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่ และผู้รอดชีวิตต้องเผชิญวิกฤติหนักขึ้นไป รวมถึงส่งผลต่อโอกาสรอดของผู้ที่ยังติดค้างอยู่ภายใต้ซากอาคารด้วย
…
ยอดผู้เสียชีวิตในเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศตุรกีเมื่อวัน 6 ก.พ. ที่ผ่านมายังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรองประธานาธิบดีของตุรกี ระบุว่า ในตุรกีมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5,894 คนและบาดเจ็บ 34,810 คน ในขณะที่รายงานผู้เสียชีวิตในประเทศซีเรียล่าสุดอย่างน้อย 1,932 ราย และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 2,600 ราย
ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตในขณะนี้อยู่ที่ 7,826 ราย และยังคงมีผู้สูญหายอีกนับพันราย ซึ่งคาดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่านี้ เมื่อเวลายิ่งผ่านมานานมากยิ่งขึ้น และสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด ส่งผลให้โอกาสรอดชีวิตยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ
โดยองค์การอนามัยโลก ประเมินว่า เหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ อาจจะมีผู้เสียชีวิตได้สูงถึง 2 หมื่นคน และมีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้สูงถึง 23 ล้านคน
อาฟเตอร์ช็อกซ้ำอีกหลายครั้ง
ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.8 แมกนีจูด ก็ยังคงมีอาฟเตอร์ช็อกขนาด 4.0 ขึ้นไป จำนวนมากกว่า 120 ครั้งแล้ว ซึ่งแม้ว่า อาฟเตอร์ช็อกที่เกิดขึ้นจะค่อย ๆ เบาลง แต่นักธรณีวิทยาระบุว่า โอกาสที่จะเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาดใหญ่กว่า 5.0 ขึ้นไปยังคงมีอยู่
ซึ่งอาฟเตอร์ช็อกที่เกิดขึ้น ส่งผลให้อาคารบางแห่งได้พังถล่มซ้ำลงมา และการช่วยเหลือต้องหยุดชะงักเป็นระยะ ๆ สำหรับรายงานล่าสุดระบุว่า มีตุรกีมีอาคารอย่างน้อย 5,700 แห่งที่พังถล่มลงมาจากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น
เร่งช่วยเหลือผู้สูญหาย
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและประชาชน ยังคงเร่งค้นหาผู้สูญหาย และรื้อซากอาคารเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ยังติดค้างอยู่ภายใต้ซากอาคารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องทำงานแข่งกับเวลาที่ผ่านมา ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างมาก และซากอาคารจำนวนมากที่ยังรอการดำเนินการ
ซึ่งในขณะนี้ ในพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนเคลื่อนจักรกล เครื่องมือหนัก สำหรับการเคลื่อนย้าย ตัดแยกเศษซากอาคาร เพื่อค้นหาผู้ที่คาดว่าจะติดค้างอยู่ภายใน
ทำให้เจ้าหน้าที่และประชาชนต้องใช้มือเปล่าในการเคลื่อนย้ายซากคอนกรีตต่าง ๆ หรือใช้เครื่องมือเท่าที่จะสามารถหาได้ เพื่อเคลื่อนย้ายซากอาคารที่พังถล่มลงมา ในขณะที่บางรายได้ส่งเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือออกมาจากภายในซากอาคาร แต่เจ้าหน้าที่ – ญาติ ก็ยังไม่สามารถที่จะนำผู้ที่ติดค้างออกมาได้ เนื่องจากไม่มีเครื่องมือที่จะเคลื่อนย้ายแผ่นคอนกรีตออกไปได้
ซึ่งสถานการณ์การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ยังเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างมาก ไม่มีน้ำ และไฟฟ้า รวมถึงอาหารเพียงพอ สำหรับการปฏิบัติงาน
หลายชาติได้เร่งส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัย เครื่องมือ รวมถึงเวชภัณฑ์และสิ่งของจำเป็นสำหรับการยังชีพต่าง ๆ ไปยังตุรกีและซีเรียแล้ว เพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ แต่การเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ทำได้อย่างยากลำบาก เนื่องจากความเสียหายจากแผ่นดินไหว ทำให้สนามบินที่อยู่ใกล้เคียงใช้งานไม่ได้ รวมถึงเส้นทางที่มีเศษซากอาคารต่าง ๆ พังถล่มลงมาปิดทับเส้นทาง ทำให้การจราจรไม่สามารถทำได้ และมีรถติดยาวหลายกิโลเมตรในบางพื้นที่
ในขณะนี้ ตุรกีได้ส่งเจ้าหน้าที่ รวมถึงทหารอีกกว่า 7,500 ราย ลงพื้นที่เพื่อเร่งให้การช่วยเหลือและค้นหาผู้รอดชีวิตแล้ว เช่นเดียวกับทีมกู้ภัยของชาติต่าง ๆ ที่เร่งเดินทางเข้าพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน
ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่แล้วกว่า 6 หมื่นรายทั้งตุรกีและนานาชาติ ในพื้นที่ 10 จังหวัดที่ได้ประสบภับพิบัติจากเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้
ซีเรียเรียกร้องยกเลิกการคว่ำบาตร
ทางด้านของทางการซีเรียได้เรียกร้องให้ชาติตะวันตกยกเลิกการคว่ำบาตร และให้การช่วยเหลือ เนื่องจากมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้การส่งความช่วยเหลือ และสิ่งของบรรเทาทุกข์นั้นไม่สามารถทำได้
โดยในซีเรีย มีรายงานระบุว่า มีอาคารกว่า 400 แห่งที่พังเสียหายโดยสิ้นเชิง และมากกว่า 1000 แห่งที่พังลงมาบางส่วน ไม่นับอาคารอีกจำนวนมากที่ได้รับความเสียงหาย แต่ยังไม่พังลงมา
นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ในซีเรีย เป็นกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอยู่ก่อนแล้ว จากสงครามในประเทศ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จึงเป็นวิกฤติที่ซ้ำเติมให้มีชาวซีเรียต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายมากยิ่งขึ้น
ซึ่งสภากาชาดสากลได้มีการจัดส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาหาร รวมถึงเครื่องยังชีพต่าง ๆ ไปยังซีเรียแล้ว เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้เป็นการเร่งด่วน
ทารกแรกเกิด ผู้รอดชีวิตคนเดียวของครอบครัว
เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือทารกเพศหญิงแรกเกิดได้หนึ่งรายในซากบ้านพักแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของประเทศซีเรีย โดยทารกแรกเกิดรายนี้ ถูกพบโดยที่ยังคงมีสายรกติดอยู่กับร่างของแม่ ที่คาดว่า เสียชีวิตภายหลังจากที่คลอดทารกรายนี้เป็นที่เรียบร้อย และนับเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของครอบครัว ซึ่งพักอาศัยอยู่ในอพาร์ตเม้นต์ที่เกิดเหตุ
โดยรายงานระบุว่า ทารกเพศหญิงรายนี้ ปลอดภัยดี มีรอยฟกช้ำบางส่วน และมีภาวะตัวเย็นในทารกแรกเกิด
ผู้รอดชีวิตขาดที่พัก อุปกรณ์ยังชีพ ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ
สำหรับผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทางการตุรกีได้พยายามจัดหาที่พักอาศัยชั่วคราว อาหาร น้ำดื่ม รวมถึงอุปกรณ์ยังชีพต่าง ๆ ให้กับผู้ได้รับผลกระทบเหล่านี้ แต่ยังคงต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงอย่างมาก ทำให้หลายรายต้องก่อไฟผิงคลายหนาวแทน
ประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ของตุรกี ได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วใน 10 จังหวัดที่ประสบภัยในครั้งนี้ ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจต่อการรับมือกับภัยพิบัติของรัฐบาลตุรกีที่ล่าช้า
สถานทูตไทยระบุ คนไทยในตุรกียังปลอดภัยดี
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา ประเทศตุรกีได้รายงานระบุว่า ในขณะนี้ ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตที่เป็นคนไทยแต่อย่างใด ซึ่งทางสถานทูตได้ติดต่อไปยังคนไทยที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนใหญ่ปลอดภัยดี มีเพียงทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหาย
โดยทางสถานทูตไทยได้แนะนำให้คนไทยที่มีแผนการเดินทางมายังตุรกี ขอให้ศึกษาข้อมูลและสถานที่ก่อนการเดินทาง รวมถึงติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
กรณีคนไทยต้องการความช่วยเหลือจำเป็นเร่งด่วน สามารถติดต่อหมายเลขฉุกเฉินของสถานเอกอัครราชทูตฯ +90 533 641 5698 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และทาง Facebook Page สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา ได้อีกด้วย ทั้งนี้ ญาติของคนไทยที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ สามารถติดต่อกรมการกงสุล (กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ) ถนนแจ้งวัฒนะ หรือที่ Call Center 02 572 8442 ตลอด 24 ชั่วโมง