คัดลอก URL แล้ว
ตำรวจสอบสวนกลางรวบเพิ่ม เครือข่ายแก๊งแชร์ลูกโซ่ “ยูฟัน” โกงหมื่นล้าน

ตำรวจสอบสวนกลางรวบเพิ่ม เครือข่ายแก๊งแชร์ลูกโซ่ “ยูฟัน” โกงหมื่นล้าน

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และคณะ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.กรพงศ์ วงษาลังการ สว.กก.2 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 1 กก.2 บก.ป. ​

ร่วมกันจับกุม นางสาวฉัฎฐา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1389/2558 ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2558 ซึ่งถูกกล่าวหาว่า “ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกระทำความผิดการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ตามพระราชบัญญัติการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4, 5, 12, 15, พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5, 6, 25 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 83   

สถานที่จับกุม บริเวณอาคารแห่งหนึ่ง ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 11.10 น. 

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ.2558 ได้มีบริษัทแห่งหนึ่งชักชวนประชาชนให้เข้าร่วมเครือข่าย การประกอบธุรกิจน้ำผลไม้และสมุนไพร และเครื่องสําอางผิวหน้า โดยทําให้หลงเชื่อว่าหากสามารถหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายเพิ่มได้จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน แต่ภายหลังกลับมีการหลอกลวงขายหน่วยลงทุนทางอิเล็กทรอนิกส์ จําหน่ายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ หรือที่เรียกว่า U-TOKEN โดยอ้างว่าได้รับความนิยม และได้รับความยอมรับในต่างประเทศ ซึ่งทางเครือข่ายนี้จะโฆษณาชักชวนให้ประชาชนนําเงินมาลงทุนในจํานวนที่สูง โดยโฆษณาชักชวนผ่านอินเทอร์เน็ตมีการลงทุน 2 แบบ คือ แบบที่ 1 เน้นซื้อ U-TOKEN (สกุลเงินสมมติ ที่ไม่มีอยู่จริง) และแบบที่ 2 เน้นซื้อสินค้า แต่ภายหลังกลับพบว่า แม่ทีมหรือแกนนําที่ชักชวนไม่ได้กล่าวถึงสินค้าตามที่บริษัทฯ แจ้งจดทะเบียนขายตรงไว้ แต่กลับมุ่งเน้นขายสินค้าเพื่อให้เกิดรายได้จากยอดขายสินค้า อีกทั้งการบรรยายแต่ละครั้ง จะมุ่งเน้นเฉพาะแผนการพัฒนาการตลาดแบบขยายทีม หรือการหาสมาชิกเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และยังอ้างถึงผลตอบแทนที่สูงเป็นรถยนต์ หรือทองคําแท่ง ซึ่งเมื่อมีการหาสมาชิกรายใหม่เพิ่ม เข้ามาได้ ผลตอบแทนที่บริษัทนํามาจ่ายให้แก่สมาชิก ก็คือเงินของสมาชิกรายใหม่ที่นํามาจ่ายหมุนเวียนให้กับ สมาชิกรายเก่านั้นเอง

ภายหลังผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ซึ่งเครือข่ายแชร์ลูกโซ่นี้พบว่ามีผู้ต้องหาร่วมกระทําผิดทั้งสิ้น 164 คน และศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตํารวจ สามารถจับกุมผู้ต้องหาซึ่งทําหน้าที่เป็นแม่ข่ายและสมาชิกได้บางส่วน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราบสืบสวนทราบว่า นางสาวฉัฎฐาฯ หนึ่งในผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ยังหลบหนีอยู่ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. ทราบ และได้มีการสั่งการให้เร่งรัดติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากคดีดังกล่าว สร้างความเสียหายต่อประชาชนจำนวนมาก และเป็นการกระทำความผิดกันในรูปแบบของขบวนการ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบกระทั่งสามารถจับกุมตัว นางสาวฉัฎฐาฯ ได้บริเวณอาคารแห่งหนึ่ง ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การเบื้องต้น ให้การปฏิเสธ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยประชาชน สำหรับการสร้างเรื่องราวการลงทุนทางธุรกิจ ที่อ้างว่าจะได้ผลตอบแทนสูง ให้เน้นหาสมาชิกเพิ่ม หรือการเอาสิ่งของที่มีราคามาดึงดูดให้รวมลงทุน การลงทุนในลักษณะเช่นนี้ ไม่มีอยู่จริง โปรดอย่าหลงเชื่อคำชักชวนของเหล่ามิจฉาชีพ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง