KEY :
- ผอ. ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2023 จะยากลำบากมากขึ้น
- ราว 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกคาดว่า จะอยู่ในภาวะถดถอย
- เศรษฐกิจในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และจีน ต่างชะลอตัวลงพร้อม ๆ กัน
- โดยมีปัจจัยมาจาก การสู้รบในยูเครน, ราคาพลังงาน, ค่าครองชีพและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
…
Kristalina Georgieva ผู้อํานวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2023 ว่า ในปี 2023 นี้ เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้น สภาพเศรษฐกิจของโลกส่วนใหญ่กำลังอยู่ในช่วงที่อ่อนแอ โดยราว 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกคาดว่า จะอยู่ในภาวะถดถอย
“มันจะยากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะเศรษฐกิจหลัก ๆ ในโลกคือ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และจีน ต่างชะลอตัวลงพร้อม ๆ กัน”
โดย Georgieva ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ CBS “Face the Nation” สอดคล้องกับไอเอ็มเอฟที่ได้ปรับลดการคาดการณ์การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2023 นี้ ลงจากเดิมที่คาดว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในช่วงปี 2023 ที่ 2.9% เหลือ 2.7% เนื่องจากปัจจัยของภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ซึ่งผู้คนนับล้านคนจะรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ซึ่งปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโลกมาจาก สถานการณ์ในยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ, ราคาพลังงานที่ยังคงสูงต่อเนื่อง, ค่าครองชีพและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น
ซึ่งแม้ว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั่นจะยังคงแข็งแกร่ง และมีความยืดหยุ่นพอที่จะรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แต่ราว 1 ใน 3 ของประเทศทั่วโลกอาจจะไม่โชคดีเช่นสหรัฐฯ ในขณะที่ครึ่งหนึ่งของสหภาพยุโรปจะเผชิญภาวะถอดถอย ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากสงครามในยูเครน และจะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับจีน
เนื่องจากนโยบาย Zero Covid ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลง ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี ที่การเติบโตของจีนมีแนวโน้มที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าการเติบโตทั่วโลก ซึ่ง Georgieva ระบุว่า “นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
นอกจากนี้ Georgieva ยังเห็นว่า แนวโน้มการเติบโตของทั้งจีนและทั่วโลกอาจจะลดลงอีกครั้งในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งทางด้านของไอเอ็มเอฟ จะมีรายงานความคืบหน้าในการประชุม World Economic Forum ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในช่วงปลายเดือนนี้