คัดลอก URL แล้ว
รัฐบาลปลื้ม! ดัชนีเชื่อมั่น SME เดือน พ.ย. พุ่ง 53.8 สูงสุดในรอบ 11 เดือน

รัฐบาลปลื้ม! ดัชนีเชื่อมั่น SME เดือน พ.ย. พุ่ง 53.8 สูงสุดในรอบ 11 เดือน

“ทิพานัน” ชี้ดัชนีเชื่อมั่น SME เดือนพ.ย. สูงสุดในรอบ 11 เดือน พุ่ง 53.8 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 4 เดือนติด ส่งสัญญาณธุรกิจฟื้นตัวเกือบเป็นปกติ สะท้อนผลสำเร็จมาตรการช่วยเหลือของ’พล.อ.ประยุทธ์’ ประคองธุรกิจ พยุงการจ้างงาน กระจายความเจริญไปทุกภูมิภาค

วันนี้ (24 ธันวาคม 2565) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ผลักดันมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs จากผลกระทบวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น มาตรการด้านสินเชื่อ การลดภาระค่าธรรมค้ำประกันของผู้ประกอบการ SMEs และโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs เพื่อประคับประคองธุรกิจและพยุงการจ้างงานของประเทศ ส่งผลให้ล่าสุดสสว. รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME หรือ SMESI อยู่ที่ระดับ 53.8 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นระยะเวลา 4 เดือน และสูงสุดในรอบ 11 เดือนซึ่งมีปัจจัยมาจากการขยายตัวต่อเนื่อง ของภาคการท่องเที่ยวและ ภาคการค้าที่ชัดเจนจนเกือบเป็นปกติ 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ส่วนในรายภาคธุรกิจ พบว่าภาคการบริการมีค่าดัชนี SMESI สูงสุดอยู่ที่ 55.3 จากการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องขยายตัว และที่น่าสนใจคือ ภาคการเกษตร มีค่าดัชนี SMESI เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 3.2 มาอยู่ที่ 53.4 จากการขายได้ราคาที่ดีขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มพืชไร่ เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว และกลุ่มไม้ดอกไม้ประดับ ส่วนภาคการค้าขยายตัวทั้งการค้าปลีกและค้าส่งโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคใต้ที่ได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่ขยายตัว และยังทำให้ภาคการผลิตปรับตัวดีขึ้นจากกำลังซื้อและต้นทุนที่มีแนวโน้มดีขึ้นด้วย ทั้งนี้ ดัชนีเชื่อมั่น SMEsที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจ SMEs อันเป็นผลสำเร็จจาก มาตรการต่างๆ ของรัฐบาล นอกจากนี้ยังส่งผลให้แนวโน้มดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกภูมิภาคจากการคาดการณ์การขยายตัวของนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้น รวมถึงสัญญาณบวกจากแนวโน้มต้นทุนธุรกิจทำให้คลายกังวลต่อค่าครองชีพและกำลังซื้อของผู้บริโภคในอนาคต

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจ SMEsในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 (เดือนมกราคม-กันยายน)นั้นมีข้อมูลจากนายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ว่า การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ (GDP SMEs)มีมูลค่ารวม 4.54 ล้านล้านบาท ขยายตัว 5.1% คิดเป็นสัดส่วน 35.2% ของGDPประเทศ คาดว่าทั้งปีจะขยายตัวเป็น 6.02 ล้านล้านบาท จากSMEsในระบบฐานข้อมูลของ สสว. 3.178 ล้านราย คิดเป็น 99.57% ของจำนวนวิสาหกิจรวมทั้งหมด มีการจ้างงานกว่า 12.6 ล้านคน คิดเป็น 71.86% ของการจ้างงานรวมทั้งประเทศ และคาดว่าจะขยายตัว 4.1-5.8% ค่ากลาง 4.9% ในปี 2566

“พล.อ.ประยุทธ์ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือและพัฒนาเพิ่มศักยภาพของ SMEs เนื่องจากเป็นกลไกฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และความสามารถในการแข่งขันของประเทศ  ทำให้เกิดการจ้างงานและกระจายความเจริญไปยังภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง