KEY :
- รัฐบาลญี่ปุ่น เพิ่มเงินช่วยเหลือค่าคลอดบุตรและสงเคราะห์บุตรเพิ่มขึ้นเป็น 5 แสนแยน (ราว 128,000 บาท)
- โดยหวังจะกระตุ้นให้ชาวญี่ปุ่นมีลูกเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มอัตราการเกิดให้สูงขึ้น
- ด้านชาวญี่ปุ่นหลายรายระบุ ค่าใช้จ่ายอย่างอื่น ยังคงสูง รวมถึงหากต้องลาออกมาเลี้ยงลูกจะกระทบรายได้มากขึ้น
…
รัฐบาลญี่ปุ่น อนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติมสำหรับเป็นเงินช่วยเหลือการคลอดบุตรและสงเคราะห์บุตรเพิ่มขึ้นในงบประมาณของปี 2566 โดยเพิ่มเงินช่วยเหลือจากเดิม 420,000 เยน เป็น 500,000 เยน หรือราว 128,000 บาท โดยระบุว่า เป็นการลดภาระของคนวัยทำงานที่จะต้องใช้เงินทุนในการคลอดและเลี้ยงดูบุตรเพิ่มขึ้น
ซึ่งที่ผ่านมา ประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเกิดต่ำ สวนทางกับอัตราประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และกำลังจะส่งผลกระทบแรงงานในประเทศในอนาคต โดยทางการญี่ปุ่นประเมินว่า ภายในปี 2100 ประชากรในประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ที่ราว 60 ล้านคน และเกือบ 40% จะเป็นผู้สูงอายุ นั่นจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อแรงงานที่อยู่ในวัยทำงานอย่างมาก และจะกระทบให้รายได้จากการจัดเก็บของรัฐบาลลดลง สวนทางกับค่าใช้จ่ายในการดูแลด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ
จำนวนประชากรสูงสุดของประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่ 128 ล้านคน เมื่อปี 2017 และเข้าสู่แนวโน้มที่ลดลง โดยในปัจจุบันประชากรของประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่ 125.7 ล้านคน และคาดว่า จะลดลงอย่างต่อเนื่องเรื่อย ๆ จากการที่ชาวญี่ปุ่นที่เลือกจะแต่งงานและมีลูกน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2022 นี้ มีทารกเกิดเพียง 3.84 แสนคนเท่านั้น ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วราว 5% และคาดว่า ภายในสิ้นปีนี้ จะมีทารกเกิดในประเทศญี่ปุนเพียง 8.1 แสนคนเท่านั้น ซึ่งมากกว่าอัตราการเกิดต่ำที่สุดของญี่ปุ่นเมื่อปี 1899 ที่มีจำนวนทารกที่เกิดในปีนั้นราว 8 แสนรายเท่านั้น
โดยเหตุผลส่วนหนึ่งของการที่ชาวญี่ปุนเลี่ยงไม่มีลูกนั้น เป็นผลมาจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงค่าทำคลอดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการเพิ่มวงเงินช่วยเหลือ รัฐบาลญี่ปุ่นเชื่อว่า จะช่วยกระตุ้นให้คนญี่ปุ่นตัดสินใจมีลูกเพิ่มมากขึ้น
แต่ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นยังสูง
ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นได้มีเงินช่วยเหลือค่าคลอดและสงเคราะห์บุตร อยู่ที่ 420,000 เยน หรือราว 108,000 บาท และจะปรับเพิ่มอีก 8 หมื่นเยนในปีหน้า แต่อัตราค่าคลอดบุตรนั้น อยู่ที่ 473,000 เยน (ราว 121,000 บาท) ซึ่งแม้ว่าจะมีเงินอุดหนุนค่าคลอดบุตรแต่ก็ยังคงไม่เพียงพอ ดังนั้นรัฐบาลญี่ปุ่น จึงเพิ่มวงเงินช่วยเหลือดังกล่าวเพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมค่าคลอดบุตรของชาวญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย มีความเห็นว่า แม้การที่รัฐบาลจะเพิ่มค่าคลอดบุตรให้เพิ่มนั้น ก็ยังคงไม่เพียงพอท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในประเทศขณะนี้ เนื่องจาการที่ครอบครัวหนึ่งมีบุตรนั้น ยังคงมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ค่าเสื้อผ้า ค่านม ค่าอาหารอื่น ๆ เพิ่มเติมขึ้นเป็นเงาตามตัว
รวมถึงการที่ภรรยาจะต้องลาออกมาเลี้ยงดูบุตร และเหลือสามีเป็นผู้หารายได้เพียงคนเดียวนั้น เป็นเรื่องที่หนักหนามาก เพราะนั่นกระทบต่อรายได้ของครอบครัวอย่างมาก ท่ามกลางราคาสินค้า อาหาร และพลังงงานที่เพิ่มสูงขึ้น
และเมื่อเด็กโตขึ้น ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการศึกษาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เช่น ค่าเรียนกวดวิชา ที่เรียกว่า Juku เพื่อเพิ่มความรู้ให้สามารถสอบเข้าโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยดี ๆ ในญีปุ่่นได้ เป็นต้น
อ้างอิง – https://www3.nhk.or.jp/news/html/20221215/k10013923731000.html