KEY :
- ภายหลังจากที่อีลอน มัสก์ได้ส่งอีเมล์ถึงพนักงานทุกคน ระบุว่า ทวิตเตอร์จะก้าวสู่ เข้าสู่ “ทวิตเตอร์ 2.0”
- โดยหลังจากนี้วัฒนธรรมองค์กรจะเปลี่ยนไป ทำงานหนักมากขึ้นภายในแรงกดดันที่มากขึ้น และหากใครพร้อมที่จะไปต่อให้ยืนยัน แต่จะได้รับเงินชดเชย 3 เดือน ซึ่งหมายถึงการให้ออกนั่นเอง
- ส่งผลให้ในขณะนี้ มีรายงานว่า พนักงานจำนวนมากเลือกที่จะไม่ทำงานต่อร่วมกับอีลอน มัสก์ สูงถึง 75%
- คาดว่า อาจจะทำให้ทวิตเตอร์เหลือพนักงานแค่ราว 1 พันคนเท่านั้น จากพนักงานช่วงก่อนหน้ากว่า 7,500 คน ไม่นับรวมพนักงานสัญญาจ้าง
- นอกจากนี้ มีรายงานว่า อีลอน มัสก์ได้สั่งปิดสำนักงานทุกแห่งทันที และจะเปิดอีกครั้งสัปดาห์หน้า
…
สถานการณ์ของทวิตเตอร์โซเซียลมีเดียภายหลังการเปลี่ยนผ่านสู่เจ้าของใหม่อย่างอีลอน มัสก์ยังคงเผชิญวิกฤติอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากการเข้ามาของเจ้าของใหม่ อีลอน มัสก์ ได้มีการสั่งปรับลดจำนวนพนักงานลงราว 3,700 คน หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของพนักงานทั้งหมดของทวิตเตอร์ เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยอ้างถึงปัญหาเรื่องรายได้ และรายจ่ายของบริษัท
แต่ภายหลังการปรับโครงสร้างและปรับลดพนักงานที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น ยังคงมีปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีข่าวคราวถึงการลาออกของผู้บริหารระดับสูงหลายคน เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 65 และมีข่าวการปลดพนักงานสัญญาจ้างเพิ่มราว 4,400-5,500 คน ซึ่งเป็นพนักงานส่วนใหญ่เป็นส่วนงานการตรวจสอบเนื้อหา แต่ก็มีพนักงานในแผนกอื่น ๆ ด้วย
พนง.แห่ลาออกเพียบ
ซึ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ได้ส่งอีเมล์ถึงพนักงานทั้งหมด โดยระบุว่า หลังจากนี้วัฒนธรรมองค์กรของทวิตเตอร์จะเปลี่ยนเป็นการทำงานอย่างหนักและดุเดือด ซึ่งหมายถึงการทำงานต่อเนื่องหลายชั่วโมงภายใต้ความกดดันสูง และต้องการความสามารถในการทำงานอย่างมาก เพื่อให้ต่อสู้กับการแข่งขันในตลาดโลกได้
โดยทวิตเตอร์จะขับเคลื่อนองค์กรด้วยการใช้วิศวกรรมเป็นหลัก และฝ่ายออกแบบและพัฒนา จะขึ้นตรงกับอีลอน มัสก์ โดยหากใครที่คิดว่า พร้อมเป็นส่วนหนึ่ง ให้กดปุ่ม Yes ในลิ้งด้านล่างที่ส่งมาในอีเมล์
โดยมัสก์ ได้ขีดเส้นตายไว้ว่า ภายในเวลา 5โมงเย็นตามเวลามาตรฐานตะวันออก จะได้รับเงินชดเชยการเลิกจ้าง 3 เดือน
ซึ่งข้อความดังกล่าวแสดงถึงการให้พนักงานที่ไม่สามารถตอบรับแนวทางใหม่ของทวิตเตอร์ภายใต้การนำของอีลอน มัสก์ ก็จะเป็นการให้ออกนั่นเอง ส่งผลให้พนักงานที่เหลือของทวิตเตอร์เลือกที่จะไม่ทำงานต่อร่วมกับอีลอน มัสก์ โดยหลายแหล่งประเมินตัวเลขที่เกิดขึ้นค่อนข้างสูงกว่าที่คาดไว้อย่างมาก
โดยคาดการณ์กันว่า ยอดพนักงานที่ตัดสินใจ ไม่ไปต่อกับมัสก์ อาจจะสูงถึง 75% ของพนักงานทั้งหมด และนั่นอาจจะทำให้ทวิตเตอร์เหลือพนักงานราว 1 พันคนเท่านั้น
ซึ่งพนักงานที่เลือกตัดสินใจลาออกนั้น ส่วนใหญ่อยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ ในขณะที่ผู้ที่เหลืออยู่จำนวนไม่น้อยเป็นพนักงานที่ “จำเป็น” จะต้องทำงานต่อกับบริษัท เนื่องจากติดปัญหาเรื่องของวีซ่าทำงานในสหรัฐฯ
กระแสข่าวไล่พนง. ที่วิจารณ์ออก
นอกจากอีเมล์ที่มัสก์ได้ส่งถึงพนักงานเพื่อให้ตัดสินใจว่า ใครจะไปต่อกับทวิตเตอร์แล้ว ยังคงมีปัญหาความไม่พอใจที่เกิดขึ้นในหมู่พนักงานด้วย หลังจากที่อีลอน มัสก์ได้ไล่พนักงานหลายสิบคนออก หลังจากที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ หรือกล่าวถึงอีเมล์ของอีลอน มัสก์ ที่ส่งมาในเชิงลบ
นักงานรายหนึ่งระบุว่า “เวลาของฉันกับทวิตเตอร์ 1.0 จบลงแล้ว และฉันไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของทวิตเตอร์ 2.0”
สั่งปิดสำนักงาน “มีผลทันที”
Zoë Schiffer จากเว็บไซต์ Platformer ได้ทวิตข้อความรายงานอ้างว่า ทวิตเตอร์ได้มีการสั่งปิดสำนักงานของทวิตเตอร์ทุกแห่ง โดยให้มีผลทันที ซึ่งบัตรผ่านต่าง ๆ จะมีการถูกระงับชั่วคราว
โดย Schiffer ระบุว่า มีกระแสข่าวว่า อีลอน มัสก์และทีมกังวลว่า พนักงานที่ลาออกอาจจะก่อเหตุทำลายทรัพย์สินของบริษัทได้ ดังนั้นจึงปิดสำนักงานทุกแห่งเพื่อป้องกันเหตุดังกล่าว โดยจะกลับมาเปิดสำนักงานอีกครั้งในวันจันทร์หน้า (21 พ.ย.)
อีลอน มัสก์ยังปั่นกระแสต่อ
ทางด้านของอีลอน มัสก์ในช่วงเช้าวันนี้ ยังคงทวีตข้อความต่าง ๆ เป็นนัยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยเมื่อวานนี้ ได้ทวีตข้อความระบุถึงแนวทางของทวิตเตอร์ว่า ทวิตเตอร์เป็นเหมือนแหล่งข้อมูลเปิดสำหรับข่าวสาร
นอกจากนี้ยังได้ทวีตข้อความระบุว่า คุณเปลี่ยนชะตาเล็ก ๆ ของโซเซียลมีเดียได้อย่างไร? ก็เริ่มต้นด้วยอะไรใหญ่ ๆ สักอย่าง ซึ่งข้อความที่ทวีตนั้นคาดว่า จะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้ หลังจากที่สิ้นสุดกำหนดการตอบรับ ข้อเสนอในการทำงานร่วมกันกับทวิตเตอร์ 2.0
นอกจากนี้ ข้อความถัดมาของอีลอน มัสก์ ยังระบุว่า “และ พวกเราก็สร้างสถิติการใช้งานทวิตเตอร์สูงที่สุด” … “จำมันไว้นะ” ก่อนที่จะตามด้วยภาพอีกภาพหนึ่ง
ซึ่งคาดว่า อีลอน มัสก์หมายถึงการที่มีกระแสข่าวการที่พนักงานเลือกแยกทางกับทวิตเตอร์เป็นจำนวนมาก และมีการใช้อีโมจิ 🫡💙 เพื่อร่ำลากัน รวมถึงการที่หลาย ๆ ฝ่ายเข้ามาติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้น และทำให้มีผู้ใช้งานทวิตเตอร์มากที่สุด ก่อนที่จะเป็นการจากไปของ ทวิตเตอร์ 1.0 สู่ ทวิตเตอร์ 2.0 นั่นเอง
ที่มา –
– https://www.theverge.com/2022/11/16/23462026/elon-musk-twitter-email-hardcore-or-severance
– https://www.theverge.com/2022/11/17/23465274/hundreds-of-twitter-employees-resign-from-elon-musk-hardcore-deadline