กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ “IMF” ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจโลกมี “แนวโน้ม” ย่ำแย่กว่าเดิม คือการที่แต่ละประเทศมีนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น จากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นต่อเนื่องและเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศยุโรป
ขณะเดียวกันจีน ก็ยังคงมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ไปจนถึงการหยุดชะงักของอุปทานอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความไม่มั่นคงด้านอาหารที่เกิดจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครน และวิกฤตพลังงานที่เลวร้ายในยุโรป
โดยตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ “IMF” คาดการณ์ไว้ในปี 2023 ลดลงเหลือ 2.7% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 2.9% สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความเสี่ยงให้เกิดวิกฤต “หนี้สาธารณะ” สูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเปราะบาง และจะกระทบชิ่งให้เกิดการหยุดชะงักการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกด้วย
