คัดลอก URL แล้ว
คาบสมุทรเกาหลียังระอุ เกาหลีใต้-สหรัฐฯ เดินหน้าซ้อมรบ / เกาหลีใต้ยิงขีปนาวุธ

คาบสมุทรเกาหลียังระอุ เกาหลีใต้-สหรัฐฯ เดินหน้าซ้อมรบ / เกาหลีใต้ยิงขีปนาวุธ

สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงอยู่ในระดับที่คุกรุ่นอย่างต่อเนื่องทั้งเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ ซึ่งต่างฝ่ายต่างระบุว่า มีการยั่วยุจากอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง

ภาพรวม “คาบสมุทรเกาหลี” ตึงเครียดมากขึ้น

สถานการณ์ในภาพรวมของคาบสมุทรเกาหลีในขณะนี้ มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น ทั้งจากฝั่งของเกาหลีใต้ที่มีการยิงขีปนาวุธถี่มากขึ้น และจำนวนมากขึ้น ควบคู่กับการซ้อมรบบริเวณพื้นที่ชายฝั่งด้านตะวันออกมากยิ่งขึ้น ในขณะที่เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ ก็มีการซ้อมรบอยู่ในพื้นที่

ทำให้ต่างฝ่ายต่างระบุว่า อีกฝ่ายหนึ่งกำลังดำเนินการยั่วยุ และบั่นทอนความมั่นคงของคาบสมุรเกาหลี ซึ่งการซ้อมรบของทั้งสองฝ่าย และท่าทีที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ค่อนข้างแข็งกร้าวเข้าใส่กันมากขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งทำให้ความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลีนั้นสั่นคลอนขึ้นเรื่อย ๆ

เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธลงทะเลต่อเนื่อง

ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา เกาหลีเหนือยังคงมีการยิงขีปนาวุธไปยังพื้นที่ในทะเลอย่างต่อเนื่อง และเกิดขึ้นถี่มากกว่าปรกติในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเมื่อวานที่ผ่านมา ( 5 พ.ย. ) เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้จำนวน 4 ลูกด้วยกัน จากเทศมณฑลถงริมในจังหวัดเปียงยันเหนือระหว่างเวลาประมาณ 11:32 น. ถึง 11:59 น. ไปตกยังบริเวณทะเลเหลือง ห่างจากจุดปล่อยราว 130 กม. และมีความเร็วสูงสุดที่ 5 มัค

ซึ่งเมื่อวันพุธที่ 2 พ.ย. เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธมากว่า 20 ลูกออกมายังพื้นที่ในทะเลตะวันออกและทะเลเหลือง ซึ่งนับเป็นจำนวนการยิงขีปนาวุธจำนวนมากที่สุดในวันเดียว รวมถึงการยิงปืนใหญ่ออกมาพื้นที่น่านน้ำพรมแดนระหว่างสองเกาหลี ที่เป็นพื้นที่ข้อตกลงร่วมกันเพื่อลดความตึงเครียดทางทหารจำนวนอีกราว 100 นัด

ในขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็มีการยิงขีปนาวุธจำนวน 3 ลูกออกมา โดยทางการญี่ปุ่นประเมินว่า ขีปนาวุธดังกล่าวจะลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นไปตกยังมหาสมุทรแปซิฟิก และได้มีการแจ้งเตือนประชาชนให้หลบอยู่ในสถานที่ปลอดภัยในบางจังหวัดที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางผ่านของขีปนาวุธดังกล่าว

แต่สถานการณ์กลับผิดคาด เมื่อขีปนาวุธไม่ได้ลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นตามที่ประเมินไว้ แต่กลับตกอยู่ในบริเวณทะเลตะวันออก นอกน่านน้ำเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นประเมินว่า ขีปนาวุธอาจจะมีความผิดพลาดบางประการทำให้ไม่เป็นไปตามที่ประเมินไว้ และนั่น ยิ่งทำให้ญีปุ่นมีความกังวลมากขึ้น ต่อการทดสอบของเกาหลีเหนือ

ภาพการฝึกซ้อมของกองทัพอากาศเกาหลีเหนือ
(แฟ้มภาพ – KCNA)

นอกจากนี้ ยังมีการตรวจพบเครื่องบินรบของเกาหลีเหนืออีกราว 180 ลำ ที่บินเข้าใกล้พรมแดนระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ ทำให้เกาหลีใต้ต้องส่งเครื่องบินรบรวมถึง F35 ขึ้นบิน เพื่อประเมินสถานการณ์และพร้อมสกัดกั้น หากมีการรุกล้ำน่านฟ้าเกาหลีใต้

หากนับตั้งแต่ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบันเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ มีการยิงขีปนาวุธออกมาสูงที่สุดในรอบหลายสิบปี และสูงที่สุดในบรรดาผู้นำเกาหลีเหนือคนก่อนหน้าทั้ง คิม อิลซุง และคิม จองอิล

นอกจากนี้ การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์จำนวน 4 ครั้งจาก 6 ครั้งในประวัติศาสตร์เกาหลีเหนือ เกิดขึ้นในยุคสมัยของนายคิม จอง อึน นี่เอง โดยการทดสอบครั้งแรกของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นเมื่อปี 2006 ในสมัยของนายคิม จอง อิล และครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2017

โดยทางสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ประเมินกันว่า เกาหลีเหนือ อาจจะมีการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้

การยิงขีปนาวุธและปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือในครั้งนี้ ระบุว่า เป็นการตอบโต้ต่อการยั่วยุของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ที่มีการฝึกซ้อมทางอากาศครั้งใหญ่ และกล่าวหาว่า สหรัฐฯ ได้ระดมพันธมิตรของสหรัฐฯ เพื่อข่มขู่กดดันให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธ ซึ่งเกาหลีเหนือพร้อมที่จะปกป้องอธิบไตยของเกาหลีเหนืออย่างแข็งกร้าว

เครื่องบิน F-35 Lightning II ของกองทัพสหรัฐฯ ที่ฐานทัพอากาศกุนซาน, เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2022
(U.S. Air Force photo by Staff Sgt. Sadie Colbert)

เกาหลีใต้ – สหรัฐฯ ยังเดินหน้าซ้อมรบ

ซึ่งเกาหลีใต้ และสหรัฐฯ ยังคงประกาศเดินหน้าในการซ้อมรบทางอากาศครั้งใหญ่ รวมถึงได้มีการยิงขีปนาวุธไปยังพื้นที่ใกล้กับพรมแดนเกาหลีเหนือ เพื่อตอบโต้ต่อการยั่วยุของเกาหลีเหนือ

โดยการฝึกร้อมรบทางอากาศ Vigilant Storm 23 ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นการฝึกซ้อมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปี มีอากาศยานของทั้งสองประเทศเข้าร่วมฝึกมากกว่า 200 ลำ รวมถึง F-35, EA-18 และ KC-135 ด้วย

และล่าสุดกองทัพสหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-1B bombers จำนวน 2 ลำ จากฐานทัพอากาศในเกาะกวม เดินทางมาร่วมฝึกเมื่อวานที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการฝึก สหรัฐฯ และเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้มีการนำเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นนี้ เข้ามาบินทำการฝึกในคาบสมุทรเกาหลี

เครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B, F-16 ของกองทัพสหรัฐฯ และ เครื่อง F-35A ของกองทัพเกาหลีใต้ ในการฝึก Vigilant Storm 23 เมื่อวานนี้ ( 5 พ.ย. 22 )
(ภาพ – Staff Sergeant Dwane Young, United States Forces Korea)

ยังไม่นับเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ และเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในน่านน้ำในแถบคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ และเกาหลีใต้อยู่ภายใต้ข้อตกลงร่วมกันในการใช้ทรัพยากรทางทหาร ในภารกิจร่วมกันทางยุทธศาสตร์ในบริเวณคาบสมุทรเกาหลีด้วย

นอกจากนี้ กองทัพเรือเกาหลีใต้ยังได้ร่วมส่งเรือรบของกองทัพเกาหลีใต้ เข้าร่วมในพิธีสวนสนามของกองเรือประเทศต่าง ๆ รวม 14 ประเทศที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ที่เกาหลีใต้ส่งเรือรบเข้าร่วมในพิธีดังกล่าว หลังจากที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น มีปัญหาระหองระแหงกันในข้อพิพาทบางอย่าง ทำให้เกาหลีใต้ไม่ได้เข้าร่วมในพิธีดังกล่าวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา


ข่าวที่เกี่ยวข้อง