KEY :
- ปั๊มน้ำมันในเวียดนามหลายแห่งประกาศ “น้ำมันหมด” และบางปั๊มจำกัดจำนวนในการขาย
- ส่งผลให้ชาวเวียดนามจำนวนมากต้องต่อคิวหรือหาน้ำมันเติมได้ยากขึ้น
- ปั๊มค้าปลีกระบุ ซัพพลายเออร์บางส่วนไม่จัดส่งน้ำมัน, เก็บค่าจัดส่งน้ำมันแพง ทำให้น้ำมันขาดตลาด
- ซัพพลายเออร์ ระบุราคาตลาดโลกที่แพงขึ้น ค่าเงินด่งที่อ่อนค่า ทำให้ต้นทุนน้ำมันแพงขึ้น แต่ปรับราคาไม่ได้
- เป็นผลมาจากการแทรกแซงราคาน้ำมันของทางการ ทำให้หลายแห่งเสี่ยงต่อการขาดทุนและล้มละลาย
…
เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ( 9 ต.ค.) ปั๊มน้ำมันหลายแห่งในโฮจิมินห์ซิตี้, จ.ด่งนาย และจ.บิ่ญเซือง ต่างปิดให้บริการพร้อมขึ้นป้ายระบุว่า “น้ำมันหมด” จำนวนหลายแห่ง ในขณะนที่ปั๊มน้ำมันอีกหลายแห่งต่างจำกัดจำนวนการจำหน่ายให้กับผู้ที่มารอต่อคิวซื้อน้ำมัน
โดยปั๊มส่วนใหญ่ระบุว่า น้ำมันที่ได้รับจากผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ไม่มีส่งให้กับปั๊มค้าปลีก ทำให้ปริมาณน้ำมันที่มีจำหน่ายในแต่ละปั๊มมีน้อยกว่าความต้องการ ส่งผลให้ไม่สามารถจำหน่ายให้กับผู้ที่มาต่อคิวรอซื้อน้ำมันได้ หลายปั๊มขึ้นป้ายหมด เฉพาะน้ำมันเบนซินเท่านั้น ส่วนน้ำมันดีเซลยังคงมีจำหน่ายตามปรกติ
และหากมีน้ำมันก็จำเป็นที่จะต้องจำกัดจำนวนในการจำหน่ายให้กับประชาชนในแต่ละคันโดยจะจำหน่ายน้ำมันให้กับรถจักรยานยนต์คันละ 30,000 ด่ง และรถยนต์คันละ 300,000 ด่ง
ปั๊มระบุ ซัพพลายเออร์เรียกเก็บค่าจัดส่งน้ำมัน
สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทางปั๊มน้ำมันระบุว่า สถานการณ์ความต้องการใช้น้ำมันยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของเวียดนามกลับไม่มีน้ำมันจัดส่งมาให้แต่ละปั๊มได้เพียงพอกับความต้องการ โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่งผลให้ในหลายจังหวัดทางตอนใต้ของเวียดนามประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลนโดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน และในขณะนี้ หลายปั๊มปริมาณน้ำมันดีเซลก็เริ่มจะหมดลงด้วยเช่นกัน
ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ผู้ค้าปลีกระบุว่า เป็นปัญหามาจากการจัดการของรัฐบาลเวียดนามที่เข้าแทรกแซงราคาน้ำมันที่ผิดพลาด เนื่องจากความพยายามในการควบคุมราคาน้ำมันหน้าปั๊ม ให้อยู่ในระดับที่ต้องการ และทางด้านของซัพพลายเออร์ผู้ค้าน้ำมันโดยเฉพาะน้ำมันเบนซินที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกแซงราคา หันมาเก็บค่าขนส่งน้ำมันแยกจากค่าน้ำมัน
และในช่วงที่ผ่านมา ซัพพลายเออร์น้ำมันเหล่านี้ เรียกเก็บค่าขนส่งน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ราคาน้ำมันที่ขายให้กับปั๊มค้าปลีกอยู่ในระดับที่รัฐบาลต้องการ โดยรัฐบาลกำหนดให้ปั๊มน้ำมันสามารถจำหน่ายน้ำมันได้ โดยมีกำไรส่วนต่างได้ราว 550 – 900 ด่ง/ลิตร สำหรับน้ำมันดีเซล และ 50-100 ด่ง/ลิตร สำหรับน้ำมันเบนซิน 95
แม้ราคาน้ำมันที่ส่งมานั้นไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ราคาค่าจัดส่งน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ต้นทุนน้ำมันหน้าปั๊มมีราคาสูงขึ้น แต่ปั๊มน้ำมันกลับไม่สามารถขึ้นราคาได้ เนื่องจากรัฐบาลเป็นผู้กำหนดราคาหน้าปั๊ม ทำให้ปั๊มจึงอยู่ในสภาวะที่ขาดทุน และหลายปั๊มก็ลดการสต็อกน้ำมัน หรือหยุดให้บริการ บางแห่งก็พยายามต่อรองกับซัพพลายเออร์ เพื่อขอลดค่าขนส่งน้ำมัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้จัดหาแต่ละรายว่า จะลดได้มากหรือน้อย
โดยปั๊มค้าปลีกส่วนใหญ่ระบุว่า หากจะให้ปั๊มสามารถจำหน่ายน้ำมันได้โดยไม่ขาดทุน จะต้องมีส่วนต่างที่เป็นผลกำไรอยู่ที่ราว 1,000 – 1,500 ด่ง/ลิตร จึงจะสามารถอยู่ได้ แต่หากยังเป็นแบบนี้ หลายปั๊มจะเผชิญกับภาวะล้มละลายในที่สุด
ซัพพลายเออร์ อ้าง รบ. สั่งลดราคาน้ำมันจนขาดทุน
ทางด้านของบริษัทค้าน้ำมัน ซึ่งเป็นผู้จัดหาน้ำมันส่งให้กับปั๊มค้าปลีกระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากสถานการณ์การนำเข้าน้ำมันที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ควบคู่กับสถานการณ์ค่าเงินด่งของเวียดนามอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนราคาน้ำมันของเวียดนามมีราคาที่แพงมากขึ้นไปอีก
ทำให้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปริมาณการนำเข้าน้ำมันเบนซินของเวียดนามลดลง 40% จากไตรมาสที่ 2 ในขณะที่น้ำมันดีเซลลดลง 35% นอกจากนี้ ผู้นำเข้าน้ำมันเบนซินของเวียดนามยังลดลงจาก 33 ราย เหลือเพียง 19 ราย
ซึ่งทางด้านของบริษัทผู้นำเข้าน้ำมันของเวียดนามเสนอให้มีการปรับลดภาษีน้ำมันเป็นกรณีพิเศษ สำหรับน้ำมันเบนซิน เพื่อลดค่าใช้จ่ายสู้กับสถานการณ์ของราคาน้ำมันและอัตราการแลกเปลี่ยนที่ผันผวนอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตามรัฐบาลของเวียดนามปฏิเสธที่จะปรับลดภาษีน้ำมัน โดยระบุว่า อัตราภาษีที่เก็บอยู่ในขณะนี้ มีอัตราที่ต่ำที่สุดแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็น สปป.ลาว กัมพูชา และจีน
นอกจากนี้ ระดับของภาษีน้ำมันเบนซินอยู่ในอัตรา 10% เช่นเดียวกับภาษีมูลค่าเพิ่มในสินค้าอื่น ๆ ของประเทศ และอัตรานี้ก็ถือว่า มีการลดลงมากกว่าก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน ทำให้ราคาน้ำมันเบนซินหน้าปั๊มอยู่ที่ 21,440 ด่ง/ลิตร (หรือราว 33.92 บาท/ลิตร) ต่ำที่สุดในรอบ 13 เดือน