ปัจจุบัน “บุหรี่ไฟฟ้า” ยังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย ท่ามกลางข้อถกถกเถียงของผู้สนับสนับสนุนและคัดค้าน โดยเฉพาะในประเด็นว่ามีความปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน รวมไปถึงเป็นตัวช่วยให้เลิกสูบได้นั้น ที่ผ่านมามีการหยิบยกข้อมูลขึ้นมาหักล้างจากทั้งสองฝ่าย ล่าสุดได้มีการออกมาให้ข้อมูลที่แย้งกับ งานวิจัยของประเทศอังกฤษ ที่ระบุว่าสูบบุหรี่ 2 ใน 5 คน “เลิกบุหรี่เพราะบุหรี่ไฟฟ้า” หลังจากสภาท้องถิ่นเมืองนอร์ฟอล์ก มีนโยบายแจกคูปองเพื่อรับบุหรี่ไฟฟ้าฟรี
…
เตือนอย่าหลงเชื่อ “บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่” ชี้งานวิจัยมีข้อบกพร่อง
‘ศ.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช’ ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า งานวิจัยดังกล่าวเป็นการเก็บข้อมูลเฉพาะคนสูบบุหรี่ ที่ได้รับแจกคูปองที่มีเพียง 668 คน และในจำนวนนี้มีเพียง 340 คน ที่นำคูปองมารับบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนข้อมูลที่ระบุว่า 2 ใน 5 คน หรือ 40% ของคนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเลิกสูบบุหรี่ได้นั้น เป็นเพียงผลในระยะ 4 สัปดาห์เท่านั้น แต่เมื่อติดตามไป 12 สัปดาห์ พบว่าอัตราการเลิกสูบบุหรี่เหลือเพียง 15%
ขณะที่นักวิจัยได้ออกมายอมรับว่า ตัวเลขนี้ต่ำกว่าอัตราการเลิกสูบของประชาชนเมืองนอร์ฟอล์ก ที่ใช้บริการช่วยเลิกบุหรี่แบบปกติ ที่ไม่ได้รับแจกคูปองบุหรี่ไฟฟ้า ที่เมื่อติดตามไป 12 สัปดาห์ พบว่าเลิกบุหรี่ได้ถึง 43.7% ซึ่งการศึกษานี้ไม่มีการเปรียบเทียบกับคนสูบบุหรี่ที่ไม่ได้รับคูปอง หรือไม่ได้นำคูปองมารับบุหรี่ไฟฟ้าว่ามีอัตราการเลิกสูบบุหรี่เป็นอย่างไร จึงไม่สามารถนำมาอ้างได้ว่า การเลิกสูบบุหรี่เกิดจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าจริง
ชี้ทางการแพทย์การเลิกสูบบุหรี่ คือการเลิกผลิตภัณฑ์ “ยาสูบทุกประเภท”
“ปัจจุบันองค์การอนามัยโลก ยังไม่ยอมรับว่าบุหรี่ไฟฟ้า ช่วยเลิกบุหรี่ได้ผลจริง และยังแนะนำให้ผู้สนใจให้หาข้อมูลอย่างรอบคอบ อย่าหลงเชื่อข่าวที่อาจจะนำเสนอข้อมูลไม่ครบถ้วน ข้อมูลปัจจุบันที่ได้รวบรวมพบว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกสูบบุหรี่ธรรมดานั้น ผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่เลิกสูบบุหรี่ธรรมดาได้ กลับไม่สามารถเลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้ ซึ่งในทางการแพทย์แล้วการเลิกสูบบุหรี่คือการเลิกผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกประเภท เราไม่สนับสนุนให้เลิกบุหรี่ชนิดนึงแต่ไปติดบุหรี่อีกชนิด ซึ่งมีอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน” ศ.พญ.เริงฤดี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันพบว่าเยาวชนอายุ 15-19 ปี มีการสูบบุหรี่ถึง 4 แสนคน ซึ่งจากสถิติเด็กไทย 10 คนที่ติดบุหรี่ 7 คน จะเลิกไม่ได้ไปตลอดชีวิต ส่วน 3 คนที่เลิกได้ต้องใช้เวลา 20 ปี กว่าถึงจะเลิกได้ ขณะที่ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ (คผยช.) ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติรับทราบข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า โดยสั่งการให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าทุกช่องทาง
‘อนุทิน’ ย้ำจุดยืนไทย “ไม่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้า” ชี้ต้องตัดไฟแต่ต้นลม
ในงานประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 20 ‘นายอนุทิน ชาญวีรกุล’ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข แถลงข่าวบุหรี่ไฟฟ้าภัยซ่อนเร้นสังคม กล่าวว่า ทั่วโลกทราบดีว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ปลอดภัย แต่ละปีมีนักสูบหน้าใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก โดยในปี 2564 สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป 57 ล้านคน พบสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึง 8 หมื่นคน จำนวนนี้มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชน 15 – 24 ปี
“สถานการณ์ดังกล่าวถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เยาวชนที่ไม่เคยคิดสูบบุหรี่ เริ่มต้นอยากลองสูบบุหรี่ โดยจุดยืนของไทยคือ ไม่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้า ต้องตัดไฟแต่ต้นลมคือไม่สนับสนุน ห้ามนำเข้าและห้ามขาย และดำเนินการตามอนุสัญญาพิธีสาร ว่าด้วยการจัดการการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ผิดกฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด” นายอนุทิน กล่าว