[FOLLOW UP] ‘บิ๊กตู่’ ขอทุกคนเคารพกฎหมาย ยันไม่ก้าวล่วงศาลวินิจฉัยครบ 8 ปี

การวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าจะสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 วรรคสอง และมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่ ตามที่พรรคฝ่ายค้านที่ให้สภาผู้แทนราษฎร ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวานนี้ (22 ส.ค. 2565) หลังจากลงนามในหนังสือไปแล้วเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา เป็นที่จับตาของทุกฝ่าย

โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้ชุมนุมไล่นายกฯ ขัดกฎหมายแพร่ระบาดโควิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 ส.ค. 2565) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. แจ้งประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับทราบ เพื่อเตรียมความพร้อมวางแผนในการเดินทาง และขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง ตามที่แจ้งว่าจะมีประกาศนัดรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุม เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังดำรงตำแหน่งครบวาระ 8 ปี ในวันที่ 23 ส.ค.นี้ โดยจะมีการชุมนุม 3 จุด ได้แก่

1. บริเวณทำเนียบรัฐบาล
2. อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
3. ลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการ กทม.

ขณะเดียวกัน ‘นายอนุชา บูรพชัยศรี’ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่จะมีการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ในวันนี้ว่า การชุมนุมดังกล่าวเสี่ยงขัดต่อกฎหมายห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้การแพร่ระบาดโควิดตามประกาศก่อนหน้านี้ จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการรวมตัวดังกล่าว และขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางและบริเวณที่มีการชุมนุม เพราะอาจไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง

นายกฯ ย้ำวาระ 8 ปี อยู่ที่ดุลพินิจศาลรัฐธรรมนูญ “ไม่อาจก้าวล่วงได้”

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า สำหรับเรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรีขอให้ยึดหลักกฎหมายเป็นสำคัญ เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย รวมถึงตัวนายกรัฐมนตรีเองด้วย ดังนั้นผลจะออกมาอย่างไรจึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล นายกรัฐมนตรีไม่อาจก้าวล่วงอำนาจศาลได้ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในกฎหมายและหลักนิติธรรมของบ้านเมือง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคม และช่วยให้ประเทศชาติสงบสุข

ด้าน ‘นายวิษณุ เครืองาม’ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ‘นายชวน หลีกภัย’ ประธานรัฐสภา ยื่นเรื่องวาระ 8 ปี นายกรัฐมนตรี ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า “รัฐบาลคงไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวชี้แจงอะไรมาก เพราะยังไม่รู้ว่าศาลจะให้ใครเป็นผู้ชี้แจง” แต่ยอมรับว่ามีรายละเอียดคร่าวๆที่เตรียมไว้อยู่ ซึ่งหากศาลฯ สั่งให้ใครเป็นผู้ชี้แจงก็พร้อมที่จะชี้แจง ซึ่งไม่ขอลงรายละเอียดว่าจะชี้แจงประเด็นอะไร เพราะอาจเสียรูปคดี

หากศาลสั่ง ‘พล.อ.ประยุทธ์’ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ‘พล.อ.ประวิตร’ จะปฎิบัติหน้าที่นายกฯ แทน

นายวิษณุ กล่าวว่า การยื่อนศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อศาลพิจารณาแล้วจะสั่ง 2 อย่าง คือ ไม่รับ กับรับ ซึ่งหากศาลรับจะมีคำสั่งตามมาอีกว่า ให้รับโดยนายกฯ ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ กับรับโดยนายกฯ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หากเป็นอย่างหลัง ‘พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ รองนายกรัฐมนตรี จะปฎิบัติหน้าที่นายกฯ แทน และ ครม. ก็ยังคงสามารถปฏิบัติงานได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องกลัวจะโมฆะ

ทั้งนี้ หากศาลสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีอีกตำแหน่งคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งไม่มีข้อกำหนดวาระ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะยังปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนี้ได้ โดยมานั่งเป็นลูกน้อง พล.อ.ประวิตร ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ จะชี้แจงรายละเอียดดังกล่าวให้กับที่ประชุมได้รับทราบ เพราะเป็นเรื่องจำเป็นที่คณะรัฐมนตรีต้องรู้และไม่งง