คัดลอก URL แล้ว
WHO พบสุนัขติด “ฝีดาษลิง” ผ่านเจ้าของเคสแรก

WHO พบสุนัขติด “ฝีดาษลิง” ผ่านเจ้าของเคสแรก

KEY :

องค์การอนามัยโลก ออกประกาศเตือนผู้ที่ติดเชื้อ “ฝีดาษลิง” ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์เลี้ยง เพราะตอนนี้มีรายงานพบว่า มีสุนัขตัวแรกของโลกติดเชื้อไวรัสดังกล่าว ผ่านเจ้าของที่ป่วยด้วยโรคดังกล่าว

พร้อมเตือนถีงความสำคัญในการแยกสัตว์เลี้ยงออกไป หากพบว่าตัวเองติดเชื้อ รวมถึงการจัดการขยะของผู้ติดเชื้ออย่างระมัดระวัง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไปยังสัตว์ชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะหนู

กรณีการติดเชื้อจากคนสู่สัตว์เลี้ยงตัวแรกนี้ เกิดขึ้นที่กรุงปารีส ของฝรั่งเศส โดยเป็นสุนัขพันธุ์ “อิตาเลียน เกรย์ฮาวด์” ที่อาศัยอยู่กับชาย 2 คนที่เมืองดังกล่าว

ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นทำให้ทีมผู้เชี่ยวชาญเกิดความกังวลว่า เมื่อเชื้อไวรัสสามารถแพร่เชื้อข้ามสายพันธุ์ได้ เชื้อไวรัสอาจเกิดการกลายพันธุ์ให้มีความอันตรายมากยิ่งขึ้น แม้จะยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้ โดยความกังวลสูงสุดคือ หากเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด คือการที่ไวรัสแพร่ไปยังประชากรสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก ก็มีแนวโน้มที่เชื้อไวรัส จะกระโดดไปแพร่เชื้อในสัตว์ชนิดอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ และรวดเร็วยิ่งขึ้น

รายละเอียดเคส

สำหรับกรณีการติดเชื้อในสุนัขในเคสนี้ ถือเป็นเคสแรกที่มีรายงานยืนยันการติดเชื้อ โดยมีเจ้าของ เป็นผู้ป่วยชายชาวลาติน อายุ 44 ปี (โรคประจำตัว HIV) และผู้ป่วยชาย อายุ 27 ปี (โรคประจำตัว HIV) ซึ่งทั้งสองอาศัยอยู่ร่วมกัน

ผู้ป่วยชายอายุ 44 ปี มีประวัติมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนอื่น และหลังจากนั้น 6 วัน พบว่า มีอาการตุ่มหนอง บริเวณทวารหนัก ก่อนที่จะพบในบริเวณอื่น ๆ ของร่างกายเพิ่มเติม ส่วนผู้ป่วยชายอายุ 27 ปี มีอาการไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หลังจากมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยรายแรก 4 วัน

หลังจากนั้นผู้ป่วยทั้งสองรายเข้าพบแพทย์ และผลตรวจโรคฝีดาษลิงยืนยันการพบเชื้อ ซึ่งผู้ป่วยระบุว่า อาศัยอยู่กับสุนัข โดยใช้ชีวิตประจำวันร่วมกัน

ต่อมาหลังจากนั้นอีก 12 วัน ผู้ป่วยทั้งสองพบว่า สุนัขที่เลี้ยงไว้มีอาการผิดปรกติ ซึ่งพบตุ่มหนองที่บริเวณท้อง และทวารหนัก ผลการเก็บตัวอย่างยืนยัน เป็นโรคฝีดาษลิง โดยทั้งผู้ป่วยชายอายุ 44 และสุนัขที่เลี้ยงไว้ติดเชื้อ ไวรัส hMPXV-1 clade สายพันธุ์ B.1 ซึ่งพบการระบาดนอกพื้นที่ตั้งแต่เดือน เมษายน 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ป่วยกว่า 1,700 คนในฝรั่งเศส


อ้างอิง – https://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(22)01487-8/fulltext#gr1


ข่าวที่เกี่ยวข้อง