วันที่ 7 มิ.ย. 65 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำอ.850/63 ที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นโจทก์ฟ้องนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นผู้อื่นโดยการโฆษณา
โดยโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า โจทก์เป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และเป็นประธานกรรมาธิการคณะปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร จำเลยเป็น ส.ส.และได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมาธิการปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ โดยเมื่อระหว่าง วันที่ 24 ต.ค.2562 และ 13 พ.ย.2562 กับ 3 ก.พ.2563 ขณะนั้นจำเลยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแขนงต่างๆ ทำนองว่า โจทก์ควรไปเช็กสุขภาพจิต ดังปรากฏในสื่อออนไลน์ต่างๆ และข้อความทำนองว่า มีคนร้องเรียนมาว่า มีบ้านนายตำรวจใหญ่หรือเกี่ยวข้องกับตำรวจ ห่างอาคารรัฐสภาเพียง 500 เมตร สร้างท่าเรือรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แจ้งกรมเจ้าท่า และ สน.บางโพ ตรวจสอบแล้ว และข้อความอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นความเท็จ ทำให้คนโจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เข้าใจว่า โจทก์เป็นคนไม่ดี จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
คดีนี้ศาลไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้องคดีไว้พิจารณา ขณะที่นายสิระ จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว
โดยวันนี้นายสิระ อดีตส.ส.พลังประชารัฐเดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมทนายความ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่าข้อความของจำเลยที่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนและหลักฐานบันทึกภาพและเสียงสนทนานั้น ไม่ปรากฎว่าจำเลยจะกระทำโดยการใส่ความว่าโจทก์สร้างท่าเทียบเรือรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยาโดยผิดกฎหมาย และเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจจริงเบื้องต้น ในฐานะส.ส.และประชาชนที่สามารถกระทำได้ การที่จำเลยได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนแล้วพาสื่อมวลชนไปลงพื้นที่นั้น เป็นการตั้งข้อสังเกตข้อสงสัยว่าเจ้าของบ้านดังกล่าวมีการรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยาหรือไม่ และภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบ ก็ได้นำเรื่องดังกล่าวไปยื่นต้องคณะกรรมาธิการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติการกระทำของจำเลยจึงเป็นการแสดงความเห็น วิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสิระ มีใบหน้าและท่าทางยิ้มแย้ม โดยกล่าวว่า ศาลพิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่าเป็นการตรวจสอบตามหน้าที่โดยสุจริตไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น ซึ่งคดีนี้ก็มีความมั่นใจมาตั้งแต่ต้นว่าไม่ได้มีเจตนาหมิ่นประมาท ส่วนคดีอื่นก็มีความมั่นใจเช่นเดียวกัน