วันนี้ (29 เม.ย. 2565) เวลา 11.30 น.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวประเด็นราคาสินค้าภายหลังเป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬา E-Sport องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) ที่ห้างไลม์ไลท์ อเวนิว อําเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
.
นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องราคาสินค้าเป็นผลกระทบมาจากราคาน้ำมัน เรื่องนี้รัฐบาลได้ช่วยในการตรึงราคาในระยะเวลาหนึ่งตอนนี้เป็นการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายที่จะต้องดำเนินการ ที่สำคัญต้องรับความจริงว่าเมื่อมีการปรับราคาน้ำมันจะมีผลกระทบต่อต้นทุนและค่าขนส่งสินค้า จะไปกระทบกับราคาสินค้าที่จำหน่ายให้กับผู้บริโภค ในส่วนนี้กระทรวงพาณิชย์ก็อยู่ปลายทาง
.
อย่างไรก็ตามเมื่อต้นทุนน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น กระทรวงพาณิชย์จะพยายามเข้าไปดูให้ดีที่สุด ให้ทั้ง 3 ฝ่ายอยู่ด้วยกัน ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการและบริโภค ซึ่งรายละเอียดในแต่ละรายการสินค้าจะมีความแตกต่างกันแต่ละประเภท
“ที่ต้องช่วยดูให้ดีที่สุดคือสินค้าที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีอยู่ 18 รายการ จะพยายามช่วยยืดระยะเวลาอั้นให้ได้นานที่สุด แต่บางตัวก็จำเป็น กรมการค้าภายในช่วยดูลึกลงไปในรายละเอียด เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ต้องยอมรับว่าปาล์มน้ำมัน ผลปาล์มราคาสูงมากและเกษตรกรพอใจมาก แต่ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้าที่ต้องจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จและอาหารสำเร็จรูป สำหรับนักธุรกิจมีผลกระทบ ซึ่งในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีน้ำมันอยู่ กรมการค้าภายในจะดูเป็นกรณีว่าสูงขึ้นมากเพียงใดถ้าจะปรับต้องปรับแค่ไหน เท่าที่ผู้ประกอบการยังทำธุรกิจอยู่ได้และกระทบผู้บริโภคน้อยที่สุด ขณะนี้ยังไม่มีการอนุมัติให้สินค้ารายการใดปรับราคาขึ้น สำหรับ 18 รายการนี้ ตนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดดูแลให้ทั้ง 3 ฝ่ายอยู่ได้ในภาวะที่ต้องยอมรับว่าวิกฤติทั้งโลกไม่เฉพาะในประเทศไทย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
.
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า สำหรับคำถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ร้านอาหารที่ปิดตัวลงนั้นเรื่องนี้ปรากฏขึ้นมาเป็นระยะโดยเฉพาะในช่วงที่ประสบภัยโควิดหลายร้านปิดลง อาจไม่เฉพาะในเรื่องราคาน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญแต่มีปัจจัยโควิดที่ตลาดหรือผู้บริโภคในประเทศ นักท่องเที่ยวหายไป ถ้าเกิดเปิดประเทศและนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ก็จะมีส่วนในการช่วยต่อลมหายใจได้บางส่วน ขณะเดียวกันในช่วงที่ประสบภัยโควิดตนได้ช่วยร้านอาหารจัดโครงการ”จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับร้านอาหาร” เพื่อให้สามารถมีแหล่งเงินทุนและแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำพิเศษและเงื่อนไขผ่อนปรนไปหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ตอนนี้หวังว่าถ้ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาก็จะช่วยให้กิจการร้านอาหารในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และคิดว่าการท่องเที่ยวจะเข้ามาเป็นตัวช่วยอีกตัวหนึ่งนอกจากการส่งออก
.
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาต้องยอมรับความจริงว่ากระทรวงพาณิชย์ทำงานหนักร่วมกับเอกชนในการทำให้การส่งออกขับเคลื่อนได้และเราประสบความสำเร็จในปี 2564 นำเงินเข้าประเทศถึง 8.5 ล้านล้านบาท เป็นบวกถึง 17.1% และปีนี้ 3 เดือนแรก การส่งออกเป็นบวกถึง 20% นำเงินเข้าประเทศกว่า 2 ล้านล้านบาทแล้ว ถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ตนทุ่มเทการทำงานเต็มที่กับการนำเงินเข้าประเทศโดยการส่งออกเราตั้งเป้าปีนี้ให้ได้ 9 ล้านล้านบาท จากปีที่แล้ว 8.5 ล้านล้านบาท โครงการไทยเที่ยวไทยช่วยได้นิดหน่อย นักท่องเที่ยวต่างชาติยังเข้ามาไม่ได้ แต่เมื่อเปิดประเทศก็จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาก็จะช่วยได้มากขึ้น