สถานการณ์สงครามระหว่าง “รัสเซีย – ยูเครน” ยังไร้วี่แววสงบลงง่าย ๆ หลังรัสเซียขยายวงโจมตีทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกของยูเครนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สหรัฐฯ เตือนชาวอเมริกันงดการเดินทางไปยังยูเครนชั่วคราว
.
กองทัพรัสเซีย เปิดฉากใช้อาวุธโจมตีพิสัยไกล ถล่มท่าอากาศยานในเมืองลุตสก์และเมืองอิวาโน-ฟรานคิฟสก์ ทางตะวันตกของยูเครนเพื่อให้ใช้การไม่ได้ ขณะที่ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศได้มุ่งเป้าหมายที่เมือง “ดนีโปร” เมืองใหญ่อันดับ 4 ของยูเครนที่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางตะวันออกเป็นครั้งแรก
.
ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายเชื่อว่ารัสเซีย ยังคงใช้กำลังเดินหน้าถล่มยูเครนอย่างหนักอีกระลอก หลังมีรายงานว่าประธานาธิบดี “วลาดิเมียร์ ปูติน” ของรัสเซีย เปิดรับอาสาสมัครช่วยรบจากประเทศแถบตะวันออกกลางแล้ว
.
พร้อมระบุว่า ขณะนี้อาสาสมัคร 16,000 คน จากประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางที่พร้อมเข้าร่วมกับกองกำลังที่รัสเซียหนุนหลังในภูมิภาคดอนบาส โดยนักรบเหล่านี้ไม่ได้มาเพราะ “เงิน” แต่มาด้วยความต้องการช่วยเหลือประชาชนในเขตดอนบาสด้วยความจริงใจ
.
ด้านผู้นำยูเครน ระบุว่า แม้รัสเซียจะเปิดฉากโจมตีโอบล้อมทั้งฝั่งตะวันออก และตะวันตก แต่ยืนยันว่ายูเครนจะไม่มีวันยอมแพ้ พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าจะชนะศึกในครั้งนี้
.
ขณะเดียวกันมีการประเมินกันว่า นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้น เศรษฐกิจของยูเครนพังไปแล้วกว่า 4 ล้านล้านบาท และอาจมากกว่านี้หากสงครามยังคงยืดเยื้อต่อไป แต่ทางฝั่งรัสเซียอยู่ในสถานะ “ใกล้ล้มละลาย”
.
ด้านประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” ของสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าถอดสถานะความสัมพันธ์ทางการค้าทั่วไปถาวรของรัสเซียด้วย และหากสำเร็จ “IMF” จะเปิดทางให้สหรัฐและชาติพันธมิตรสามารถขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจของรัสเซียที่กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง พร้อมระบุว่า การที่สหรัฐฯ ไม่ส่งทหารเข้าไปในยูเครน ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์รุนแรงจนถึงขั้น “สงครามโลกครั้งที่ 3” นั่นเอง
.