คัดลอก URL แล้ว
เปิดเฟส 4 พบร้านค้าหลายร้านปฏิเสธรับสแกน “คนละครึ่ง” หวั่นถูกเรียกภาษีย้อนหลัง

เปิดเฟส 4 พบร้านค้าหลายร้านปฏิเสธรับสแกน “คนละครึ่ง” หวั่นถูกเรียกภาษีย้อนหลัง

น.ส.รังสิพรรณ พูลพันธ์ เจ้าของร้านในตลาดนัดหลังกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการ “คนละครึ่ง” ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น และยังสั่งอาหารเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อยอดขายโดยรวม

แต่ก็รู้สึกกังวลภาระภาษีที่อาจเพิ่มขึ้นเช่นกัน หลังทราบข่าวร้านค้าในโครงการหลายแห่ง เริ่มปลดป้ายชื่อโครงการ และปฏิเสธรับชำระผ่านโครงการ เนื่องจากถูกกรมสรรพากร เรียกเก็บภาษีย้อนหลังเป็นจำนวนมาก

สอดคล้องกับผู้ประกอบการร้านค้า ย่านประชาชื่น และพหลโยธินบางส่วน ยอมรับว่า ร้านค้าไม่รับชำระผ่านโครงการคนละครึ่งแล้ว หลังถูกกรมสรรพากร เรียกเก็บภาษีย้อนหลังมูลค่านับแสนบาท

โดยร้านไม่มีเจตนาหลบเลี่ยงภาษี แต่ไม่เข้าใจวิธีการคำนวณ และการยื่นแบบฯ เสียภาษีอย่างถูกต้อง จึงตัดปัญหาด้วยการงดรับชำระผ่านโครงการ

ขณะที่ผู้ใช้สิทธิ์ในโครงการคนละครึ่งบางส่วน บอกว่า ยังไม่เคยเจอร้านค้าที่ปฏิเสธรับชำระผ่านโครงการ และเห็นว่า ร้านค้าได้ประโยชน์จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น จึงควรเสียภาษีให้ถูกต้อง และปฏิบัติตามวัตถุประสงค์โครงการ

ด้านนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจการคลัง เผยว่า ปัญหาการถูกเรียกเก็บภาษีไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการ พร้อมยืนยันว่าโครงการนี้ ไม่ได้เชื่อมระบบฐานข้อมูลกับกรมสรรพากร แต่กรมสรรพากร อาจมีวิธีการประเมินรายได้ และตรวจสอบการเสียภาษีตามภารกิจปกติ

ตามเงื่อนไขทั่วๆไป พ่อค้าเเม่ค้าที่เข้าโครงการ “คนละครึ่ง” สามารถยื่นแบบเสียภาษีบุคคลธรรมดา จาก ยอดขายรวม หักกับค่าใช้จ่ายแบบเหมา ร้อยละ 60 และ หักค่าลดหย่อนส่วนตัวและค่าลดหย่อนอื่นๆ ไม่น้อยกว่า 6 หมื่นบาท

พร้อมกับยื่นแบบภาษีครึ่งปี หรือ ภ.ง.ด.94 และ ภาษีประจำปี ภ.ง.ด.90 เเต่ถ้ามียอดขายสุทธิ เกินปีละ 1 ล้าน 8 แสนบาท ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หากไม่ยื่นแบบเสียภาษี จะมีโทษปรับ 2 พันบาท และเงินเพิ่ม ร้อยละ 1.5 ของภาษีที่ต้องชำระ

ขณะนี้จำนวนร้านค้า ในโครงการ “คนละครึ่ง” มีมากกว่า 1 ล้าน 3 แสน 3 หมื่นร้านค้า และมีผู้ประกอบการรายใหม่ เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นอีก 46 ร้านค้า


ข่าวที่เกี่ยวข้อง