สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บริษัทเทสลา อิงค์ ยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวานนี้ (28 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ระบุว่า นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา ได้ขายหุ้นของบริษัทเทสลาออกไปอีก 934,090 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.02 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นายมัสก์ยังใช้สิทธิ์สต๊อกออปชั่นในการซื้อหุ้นเทสลาเกือบ 1.6 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 6.24 ดอลลาร์อีกด้วย ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่เขาได้รับในแพ็คเกจค่าตอบแทนปี 2555
โดยสต็อกออปชั่น คือ สิทธิ์ที่บริษัทให้แก่ผู้บริหารหรือพนักงานที่จะเลือกซื้อหรือขายหุ้นตามราคาที่ตกลงไว้ภายในเวลาที่กำหนด และหากจะใช้สิทธิ์จากสต็อกออปชั่น ก็จะต้องเสียภาษีจากกำไรที่ได้
ในไตรมาสนี้ นายมัสก์ใช้สิทธิ์สต๊อกออปชั่น เข้าซื้อหุ้นเทสลาเพิ่มขึ้นจากประมาณ 170.5 ล้านหุ้น ไปเป็นกว่า 177 ล้านหุ้น
เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มัสก์ได้ทวีตข้อความถามผู้ติดตามของเขาบนทวิตเตอร์กว่า 62 ล้านคน ให้ช่วยตัดสินใจว่า เขาควรจะขายหุ้นเทสลา 10% เพื่อนำเงินไปเสียภาษีให้แก่ประเทศหรือไม่ ซึ่งหากเสียงส่วนใหญ่สนับสนุน เขาก็จะขายหุ้น และผลโพลพบว่า 57.9% จากเสียงโหวตทั้งหมดสนับสนุนให้เขาขายหุ้นเทสลา โดยหลังทวีตดังกล่าว เขาได้ทยอยขายหุ้นเทสลา
รายงานข่าวของซีเอ็นบีซี ระบุว่า การทวีตครั้งนั้นนายมัสก์ทำเพื่อความสนุกสนาน เพราะการขายหุ้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนของเขาที่วางไว้ตั้งแต่เดือนกันยายน
สำหรับราคาหุ้นของเทสลา ในปีนี้มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 54% ทำให้นายมัสก์กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยนิตยสารฟอร์บส์ประมาณการว่า เขามีทรัพย์สินสุทธิมูลค่ามากกว่า 2.75 แสนล้านดอลลาร์
