สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า หุ้นของบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS พุ่งขึ้นมากกว่า 3 เท่า นับตั้งแต่มีการประกาศแผนการดำเนินโครงการในอุตสาหกรรม “สกุลเงินดิจิทัล” เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แม้จะยังไม่ได้สร้างรายได้ที่สำคัญให้กับบริษัท แต่กลับพบว่าทำให้หุ้นพุ่งขึ้นเกือบ 7,000% ถือว่ามากที่สุดในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ที่มีมูลค่าตลาดอย่างน้อย 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานกรรมการ บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS เปิดเผยว่า “กระแสตอบรับจากกลุ่มนักลงทุน ถือว่าเกินกว่าที่เราคาดหมายเอาไว้มาก ซึ่งถือว่าเป็นแง่ดีที่นักลงทุนมองทิศทางใหม่ในแง่บวก แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นก็ตาม”
ทั้งนี้ บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี เป็นหนึ่งในบริษัทจำนวนมากของไทย ที่เริ่มก้าวเข้าสู่เวทีสินทรัพย์ดิจิทัล เช่นเดียวกับบริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ที่ประกาศลงทุนในอุตสาหกรรมขุดบิทคอยน์ในเดือนนี้ เช่นเดียวกับธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย ก็เข้าถือหุ้นในบริษัทสตาร์ทอัพสกุลเงินดิจิทัลเช่นกัน
ความกระตือรือล้นในผลิตภัณฑ์ด้าน “คริปโตฯ” โดยเฉพาะในหมู่นักลงทุนรุ่นใหม่ ผลักดันให้การซื้อขายแลกเปลี่ยน “คริปโตฯ” ในประเทศทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้หน่วยงานกำกับดูแลออกกฎต่างๆ ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
ขณะที่บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี สามารถขุด “บิทคอยน์” ขึ้นมาได้แล้ว 8 เหรียญบิทคอยน์ด้วยกัน จากกำลังการขุด 325 เครื่อง ซึ่งทาง ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา คาดว่าในปี 2565 จะมีการดำเนินการมากขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากแผนการลงทุนราว 98 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,300 ล้านบาท ที่จะทำให้สามารถเพิ่มอุปกรณ์การขุดได้อีก 7,000 เครื่อง และรายได้จากธุรกิจการขุดบิทคอยน์จะคิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของมูลค่าการซื้อขายรวมของบริษัทภายในสิ้นปี 65
ด้านนางสาววิสาสินี บุญมาสูงทรง นักวิเคราะห์จาก Globlex Securities Co. ระบุว่า ในปัจจุบัน เรายังมีความรู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับปัจจัยขั้นพื้นฐาน การประเมินมูลค่า และการคาดการณ์รายได้ของบริษัทต่างๆ เพราะการขุดบิทคอยน์ถือเป็นเรื่องที่ใหม่มากในประเทศไทย แต่ก็ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนในการเป็นผู้บุกเบิกของประเทศ แม้จะมีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าหน่วยงานกำกับดูแลวางแผนที่จะออกกฎเกณฑ์เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อปกป้องระบบการเงินและนักลงทุน ซึ่งเกิดขึ้นหลังพบการหมุนเวียนในการแลกเปลี่ยน “คริปโตฯ” ในเว็บเทรดที่ได้รับอนุญาต 7 แห่งเพิ่มขึ้นเป็น 221,000 แสนล้านบาท ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าปีก่อนที่มีเงินหมุนเวียน 18,000 ล้านบาท ตามข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
อย่างไรก็ตาม กฎเหล่านี้ไม่กระทบต่อบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี แต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทสามารถขายเหรียญดิจิทัลได้ทั่วโลก และธุรกิจการขุดบิทคอยน์จะทำกำไรได้ตราบที่ราคาของสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ยังคงยืนอยู่เหนือ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน วันที่ 27 ธันวาคม ราคาบิทคอยน์ อยู่ที่ระดับสูงกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
รายได้สุทธิ 9 เดือนแรกของบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 436% จากปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 150 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับโทรคมนาคมของบริษัทเติบโตขึ้น หุ้นพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซื้อขายเกือบ 500 เท่าของรายรับ 12 เดือนย้อนหลัง
