ตำรวจไปรับตัวหนุ่มอิสราเอล ส่งสน.ทองหล่อ ดำเนินคดี หนีออกจากสถานที่กักตัว หลัง รพ.กาะสมุย อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล เพราะตรวจหาเชื้อโควิด 3 รอบแล้ว ไม่พบเชื้อหลงเหลืออยู่ในตัว ขณะที่นายอนุทิน ยืนยันว่าต้องดำเนินคดี เพราะถือเป็นการละเมิดกฎหมาย

ความคืบหน้ากรณีที่ นาย โอฮัท บรันช์ อายุ 29 ปี สัญชาติอิสราเอล หลบหนีจากโรงแรม ซึ่งเป็นสถานกักตัวที่กรุงเทพฯ ก่อนที่ผลการตรวจเชื้อจะออกมาว่าติดโควิด-19 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม จากนั้นเดินทางไปหลายพื้นที่ทั้งพัทยา ชุมพร และสุดท้ายมาพักอยู่เกาะสมุย จังหวัด สุราษฎร์ธานี ก่อนถูกเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมในช่วงเที่ยงของวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา

พร้อมกับนำตัวไปตรวจหาเชื้อ แบบ RT-PCR ที่โรงพยาบาลเกาะสมุย ซึ่งผลการตรวจหาเชื้อของหนุ่มอิสราเอลรายนี้ 3 ครั้ง ทั้งตรวจที่แล็บของโรงพยาบาลเอกชนบนเกาะสมุย ตรวจหาเชื้อจากห้องแล็บของโรงพยาบาลเกาะสมุย และตรวจหาเชื้ออย่างละเอียดอีกครั้งที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เขต11 สุราษฎร์ธานี โดยผลการตรวจทั้ง 3 ครั้ง ไม่พบเชื้อ

ด้านนายแพทย์ ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงถึงกรณีสังคมเกิดความสับสนในผลตรวจโควิดนักท่องเที่ยวรายนี้ นักท่องเที่ยว ชาวอิสราเอลรายนี้ เข้าประเทศไทยผ่านระบบ Test & Go ตรวจ RT-PCR พบติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ก่อนจะหลบหนีออกจากโรงแรมย่านสุขุมวิทไปยังเกาะสมุย

โดยปกติแล้ว ในคนที่มีเชื้อมาก จะปั่นเชื้อเพียงไม่กี่รอบก็สามารถตรวจเจอเชื้อได้ แต่กรณีของนักท่องเที่ยวคนดังกล่าว ปั่นถึง 30 วงรอบ ยิ่งไปถึงสมุย 2-3 วัน เชื้อก็ยิ่งเหลือน้อย จึงตรวจไม่เจอ แม้จะค่อนข้างสบายใจว่าโอกาสในการแพร่เชื้อมีน้อย แต่ก็ยังสามารถติดได้

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนี้ว่าต้องดำเนินคดี เพราะสืบสวนแล้วพบว่านักท่องเที่ยวคนนี้ ไม่ยอมรอผลตรวจ เดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เท่ากับละเมิดกฎหมายในประเทศไทย หากติดเชื้อโควิด รัฐจะรักษาให้ตามสิทธิประกันสุขภาพที่ซื้อไว้ก่อนเดินทาง เข้ามา แต่เมื่อรักษาหายแล้ว ก็ต้องรับโทษที่ก่อไว้

ส่วนโรงแรมก็ต้องรับผิดชอบด้วย ขณะที่กระทรวงเอง ก็ต้องกลับมาดูว่ามาตรการมีช่องโหว่ตรงไหน สำหรับนักท่องเที่ยวคนดังกล่าว มีความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และฐานฝ่าฝืนคำสั่ง ศบค. เรื่องแนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9

ทางด้านพลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สั่งการให้ยกเลิกจัดงานปีใหม่และการสวดมนต์ข้ามปี ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. รวมถึงจุดที่มีกำหนดจัด ในพื้นที่หน่วยงานสังกัดกทม.ทั้งหมด

ส่วนภาคเอกชนที่ประสงค์จัดงาน กทม.ขอความร่วมมือให้คุมเข้มมาตรการป้องกันอย่าง ทั้ง Covid Free Setting การคัดกรอง การทำความสะอาดสถานที่ การเว้นระยะห่าง การจัดให้มีสถานที่กักตัวสำหรับผู้ติดเชื้อ และผู้ร่วมงาน ต้องมีผลการฉีดวัคซีน หรือผลตรวจ ATK ก่อนร่วมงาน 72 ชั่วโมง รวมถึงมาตรการลดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน

ด้านพลเอกสุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. ย้ำเรื่องการอนุญาตจัดงานเคานต์ดาวน์ปีใหม่ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่าแม้ ศบค.จะผ่อนคลายมาตรการให้เอกชนสามารถ จัดกิจกรรมได้ แต่ผู้จัดงานจะต้องขออนุญาตล่วงหน้าโดยที่ทาง กทม.และจังหวัดต่างๆ ต้องลงไปกำกับดูแล ตรวจสอบมาตรการให้เป็นไปตามที่กระทรวงสาธารณสุขวางไว้อย่างเคร่งครัด