ศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยและอ่านคำวินิจฉัยคำร้องของประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีที่นายสิระ เจนจาคะ สส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) หรือไม่ เนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน ในคดีหมายเลขดำที่ 812/2538 คดีหมายเลขแดงที่ 2218/2538 กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา
คดีมีหลักฐานเพียงพอที่จะยุติการไต่สวนได้ โดยในแต่ละคดีที่เกี่ยวกับทรัพย์ของนายสิระ เป็นคดีอาญามีคำพิพากษาที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งมีการเจรจาชำระหนี้บ้าง หรือไม่มีเอกสารใดๆรับรอง ว่าคดีถึงที่สุดอย่างไร และมีการจำหน่ายคดีออกจากสารบบความบ้าง และไม่มีเอกสารเนื่องจากช่วงเวลานั้นไม่มีการลงระบบอิเล็กทรอนิกส์ และเกิดเหตุน้ำท่วมกรุงเทพฯทำให้เอกสารต่างๆเกี่ยวกับคดีของนายสิระหายไป
โดยหลังจากศาลแขวงปทุมวันมีคำพิพากษา ก็ได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินประกาศใช้นายสิระ ได้รับการล้างมลทิน โดยถือว่าไม่เคยถูกจำคุกตามคดีข้างต้นมาก่อน แต่การล้างมลทินไม่มีผลเป็นการลบล้างการกระทำความผิดทางคดีอาญาของศาลแขวงปทุมวันที่เคยต้องทำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญาได้
ซึ่งจากพยานหลักฐานสรุปได้ว่า นายสิระ เคยต้องคำพิพากษาจริง จึงเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามในสมัครเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร เป็นเหตุให้สมาชิกสภาพสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ โดยสิ้นสุดลงนับตั้งแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือวันที่ 24 มีนาคม 2562 ดังนั้นจึงมีตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งว่างลง คณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงจะจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ศาลอ่านคำวินิจฉัย คือวันที่22 ธันวาคม 2564
อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า นายสิระมีลักษณะต้องห้ามในการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งแล้วทำให้สมาชิกสภาพ สส.สิ้นสุดลง กกต.ก็จะมีการพิจารณาดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่า ด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 151 ฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังลงสมัคร ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี