นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณีมาตรการช่วยเหลือของรัฐในช่วงโควิด-19 จากการสำรวจของสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศที่ได้เข้าร่วมมาตรการ/โครงการของรัฐ (ระหว่างวันที่ 18-21 ตุลาคม 2564) ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 จาก 5 มาตรการ ได้แก่ 1) มาตรการคนละครึ่งเฟส 3 2) มาตรการลดค่าไฟฟ้า น้ำปะปา 3) มาตรการช่วยเหลือผู้ปกครอง 2,000 บาท 4) มาตรการลดค่าเทอมนักเรียน/นักศึกษา 5) มาตรการเยียวยาผู้ประกันตน ม.33/ม.39 และ ม.40 ในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม พบว่า ประชาชนกลุ่มสำรวจ มีความพึงพอใจมาตรการ “คนละครึ่ง เฟส 3” มากที่สุด เพราะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละวันได้ ช่วยประคับประคองการบริโภค ทำให้ประชาชนมีการวางแผนการใช้จ่ายดีขึ้น รองลงมาคือมาตรการลดค่าไฟฟ้า น้ำปะปา /มาตรการช่วยเหลือผู้ปกครอง 2,000 บาท / มาตรการลดค่าเทอมนักเรียน-นักศึกษา และมาตรการเยียวยาผู้ประกันตน ม.33/ม.39 และ ม 40 ในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม ตามลำดับ
ทั้งนี้ ในส่วนของความคืบหน้ามาตรการใช้จ่ายลดค่าครองชีพของรัฐ ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มียอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 40.30 ล้านคน ยอดใช้จ่าย สะสม รวม 124,414.8 ล้านบาท แบ่งเป็น 1)โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 25.44 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 110,123.4 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 55,975.3 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 54,148.1 ล้านบาท 2) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 84,680 คน ยอดใช้จ่ายส่วนประชาชนสะสม 2,764 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 144 ล้านบาท 3)โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.54 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 10,598.9 ล้านบาท และ 4) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.24 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 784.5 ล้านบาท
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของข้อมูลการใช้จ่ายผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์ม ล่าสุด (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2564) โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีการใช้จ่ายสะสมประมาณ 752.2 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนใช้สะสมจ่าย 388.1 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 364.1 ล้านบาท สำหรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีค่าใช้จ่ายสะสมกว่า 600,000 บาท โดยมีผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มให้บริการผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มแล้ว กว่า 65,000 ราย ซึ่งในเดือนพฤศจิกายน นี้ รัฐบาลยังเพิ่มวงเงินให้กับผู้ได้รับสิทธิในโครงการคนละครึ่งอีกคนละ 1,500 บาท ใช้สิทธิได้ถึง 31 ธันวาคม 2564 โดยขณะนี้ผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 3 เต็มจำนวน 28 ล้านสิทธิแล้ว อย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างการประมวลผลจำนวนผู้ลงทะเบียนไม่สำเร็จเพื่อประกอบการพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำสิทธิดังกล่าวกลับมาเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้ง ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ยังเหลืออีกประมาณ 5 แสนสิทธิ ประชาชนสามารถลงทะเบียนได้ทางเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผ่าน G-Wallet บนแอปพลิคเคชัน “เป๋าตัง” จนกว่าจะครบ 1 ล้านสิทธิ
“จากสถานการ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยาวนาน กระทบต่อเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เร่งรัดมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือและบรรเทาความร้อนของพี่น้องประชาชน เสียงตอบรับที่ดีจากประชาชน ถือเป็นกำลังใจให้ รัฐบาลเดินหน้ามาตรการ ช่วยเหลือเยียวยาดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากทั้งโควิด-19 และความเดือดร้อนจากอุกทกภัยให้ทั่วถึงทุกกลุ่ม ทั้งติดตามควบคุมราคาสินค้า ค่าครองชีพ ราคาน้ำมัน การพักชำระหนี้ การแก้ไขปัญหาหนี้สินเพื่อให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขต่อไปโดยเร็ว” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว