จากกรณีโลกออนไลน์มีการแชร์คลิปภาพอันน่าหวาดเสียวของหนุ่มช่างทาสี 2 คน ที่ลอยตัวบนหน้าต่างอาคารสูง โดยร่างคาอยู่ ชั้น 26 ของตัวคอนโดชื่องดัง ย่านปากเกร็ด ซึ่งมีความสูง 32 ชั้น ก่อนถูกตัดเชือกทำงานต่อไม่ได้ เคราะห์ดีเจอสาวพร้อมแฟนต่างชาติช่วยเหลือเข้ามาในห้องพักอย่างปลอดภัย ต่อมาตำรวจสภ. ปากเกร็ด ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุเป็นหญิงสาวพักอยู่ชั้น 21 จึงรวบรวมหลักฐาน เพื่อเตรียมดำเนินคดีในข้อหา ทำให้เสียทรัพย์และพยายามฆ่า โดยหญิงสาวต้องสงสัยเข้าให้ปากคำพร้อมทั้งปฏิเสธเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ส่งเชือกของกลางไปตรวจหาร่องรอยลายนิ้วมือดีเอ็นเอว่า ตรงกับผู้ต้องสงสัยหรือไม่ ตามที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่คอนโดลุมพินี ห้าแยกปากเกร็ด จ.นนทบุรี พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) เดินทางลงพื้นที่โดยมีหัวหน้างานและนายจ้างนาย ช่างทาสีทั้ง 2 คน เข้าจำลองเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ขณะช่างโรยตัวทำงานและถูกตัดเชือกขาด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบถามช่างทาสีรวมทั้งนายจ้างอย่างละเอียดถึงการทำงานขั้นตอนต่างๆ โดยมีการประชุมปรึกษาหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง
นายสอง ช่างทาสีซึ่งถูกตัดเชือกในวันนั้น เปิดเผยกับว่า ตนเองไม่อยากจะมาจำลองเหตุการณ์ในวันนี้เลย เพราะส่วนตัวแล้วก็ยังรู้สึกกลัวมาก แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตนเองก็ต้องทำ ถามว่ายังรู้สึกและกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ บอกเลยว่ายังกลัวอยู่ ตอนนี้พ่อแม่ที่บ้านทราบข่าวก็ตักเตือนแล้ว บอกว่าให้ตนระมัดระวังตัวให้มากเวลาทำงาน ก็เป็นห่วง โดยส่วนตัวถามว่ายังจะทำงานด้านนี้ต่อไปหรือไม่ ก็คงต้องทำงานต่อไป เพราะตนไม่ถนัดงานอย่างอื่นและยึดอาชีพนี้มานานหลายปีแล้ว
ขณะที่แนวทางการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเบื้องต้นทราบว่า พยานหลักฐานต่างๆ รวมถึงการเก็บรายละเอียดในที่เกิดเหตุที่ผ่านมาพบว่า มีหลักฐานแน่นหนาพอที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัยรายนี้ รอเพียงการจำลองเหตุการณ์ในวันนี้เท่านั้น ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์ ส่วนผลการตรวจ ดีเอ็นเอ ที่เชื่อมโยงผู้ต้องสงสัยนั้นออกมาแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ หลักฐานที่มีอยู่แน่นหนาและพอที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัยรายนี้ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่า ทางญาติของหญิงสาวผู้ต้องสงสัยรายนี้ได้เดินทางมารับตัวไปอยู่ที่อื่นเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์