นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ออกมาระบุว่าถูกบางหน่วยงานจ้องจับสึก ว่า ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ไม่ได้ทราบเรื่องนี้และไม่ได้อยู่ในอำนาจพศ. แต่เป็นเรื่องของพระสงฆ์ ตามพ.ร.บ.สงฆ์ ถ้าหากมีอะไรก็ต้องมีการทำความผิดและทางพระผู้ปกครองจะเป็นผู้พิจารณาเพียงอย่างเดียวไม่มีอย่างอื่น ซึ่งสิ่งนี้คิดว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและทำให้สังคมแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ตนในฐานะที่ดูแลพศ.ก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญและเป็นเสาหลักของชาติ ซึ่งเรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนคนไทยต้องปกป้องและดูแลด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่สังคมแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย หรือเป็นกระแสเกิดขึ้นกับเรื่องพระสงฆ์และศาสนา ตนคิดว่าอาจจะเลยเถิดไป
จึงอยากวิงวอนให้ประชาชนได้เล็งเห็นว่าเสาหลักของชาติบ้านเมืองที่ทำให้เราอยู่มาได้ตั้งแต่บรรพบุรุษ จนถึงยุคของเรา คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่คนไทยเราต้องปกป้อง ถอดจิตวิญญาณมาช่วยกันดูแล อย่าให้เกิดความแตกแยกเลยในพุทธศาสนาของเรา
เมื่อถามถึงรูปแบบการเผยแพร่ธรรมะว่า พศ. มีการจำกัดหรือขีดเส้นขอบเขตการเผยแพร่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในการดูแลของพศ. แต่เป็นเรื่องของพระสงฆ์ เพราะหลักของพระพุทธเจ้าคือการละซึ่งกิเลสไปสู่การนิพพานสู่ความสงบ เป็นหัวใจหลักของศาสนาพุทธ ดังนั้นอะไรที่คือหลักก็ต้องเดินไปตามนั้น เพราะศาสนาต้องดำรงคงอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน จึงขออย่าทิ้งอะไรที่เป็นเรื่องหลัก
เมื่อถามย้ำว่า เรื่องดังกล่าวนี้ใครเป็นผู้กำกับดูแล นายอนุชา กล่าวว่า ทางคณะสงฆ์ พระผู้ปกครอง และมหาเถรสมาคม มีอำนาจเป็นผู้ชี้ขาด โดยพศ. เป็นเพียงฝ่ายเลขาฯ ที่ดูแลเรื่องเอกสารเท่านั้น ดังนั้นพระมหาสมปอง ต้องดูในสิ่งนี้เป็นหลัก อย่าให้กระทบกระทั่งถึงเสาหลักของเรา ต้องดูเป็นเรื่องๆไป อย่าเอาเสาหลักไปรวมในวังวนนั้น
เมื่อถามถึงกรณีการถอดถอนพระสังฆาธิการ จำนวน 3 รูป พ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด นายอนุชา กล่าวว่า “ก็เป็นแบบนี้แหละ เป็นเรื่องปกติ ที่มีเรื่องสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เราต้องเชื่อในการปกครองของคณะสงฆ์ที่มีบางครั้ง ในเรื่องของศาสนาจะไปพูดลึกไม่ได้ พูดเข้าไปถึงในแก่นไม่ได้ในเรื่องของตัวบุคคล เรื่องการกระทำ สิ่งเหล่านี้อยากให้ประชาชนเข้าใจว่า เป็นองค์ประกอบที่เราจะทำนุบำรุงศาสนา ของเรา