“ไฟเซอร์” และ “ไบออนเทค” ผู้พัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 เปิดเผยผลการศึกษาในการฉีดวัคซีนดังกล่าว ให้แก่เด็กที่มีอายุระห่าง 5-11 ปี โดยพบว่า วัคซีนมีความปลอดภัย พร้อมเตรียมขออนุมัติให้ใช้ได้จากองค์การอาหารและยาของสหรัฐเพื่อนำมาใช้งานจริง
รองประธานอาวุโสของไฟเซอร์ นายแพทย์บิล กรูเบอร์ ระบุกับเอพีด้วยว่า การศึกษาการฉีดวัคซีนในเด็กนั้นใช้วัคซีนในปริมาณที่น้อยกว่า ที่ใช้ในผู้ใหญ่ ประมาณ 1 ใน 3 และ พบว่า หลังจากได้รับ 2 เข็ม วัคซีนสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้มในระดับเดียวกับที่ฉีดในวัยรุ่น และ หนุ่มสาว
นอกจากนี้ ยังพบว่า ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นในกลุ่มเด็กนั้น ลดน้อยลงด้วย เช่น อาการปวดแขน ไข้ เมื่อยล้าตามร่างกายเมื่อเทียบในระดับเดียวกันกับที่พบในกลุ่มวัยรุ่น
รองประธานอาวุโสของไฟเซอร์ ระบุด้วยว่า ทางบริษัทเตรียมยื่นขออนุญาตจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ หรือ FDA เพื่อให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก เป็นกรณีฉุกเฉิน ในสิ้นเดือนนี้ ตามด้วยการขอจากทางการสหภาพยุโรปและอังกฤษ ต่อไป
ผลการศึกษาล่าสุดนี้ ยังถือเป็นพัฒนาการที่ดี ต่อความพยายามในการสร้างภูมิคุ้นกันในเด็กเล็ก ในช่วงเปิดภาคเรียน และ ต้องเผชิญกับการระบาดของโควิดสายพันธุเดลตา ซึ่งพบว่า ทำให้เกิดการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจในเด็กเพิ่มขึ้น
รายงานระบุด้วยว่า ชาติตะวันตกหลายประเทศ ยังไม่อนุมัติให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด เพราะยังรอผลการศึกษาเพิ่มเติม ขณะที่ จีนและ คิวบา อนุญาติให้ฉีดในเด็กได้แล้ว ต่ำสุดถึง 3 และ 2 ขวบ ตามลำดับ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ผู้อำนวยการ FDA ของสหรัฐ นายแพทย์พีเตอร์ มาร์ก เคยระบุไว้ว่า การตรวจสอบเอกสาร จะใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์เพื่อประเมินข้อมูล ว่ามีความปลอดภัย และ ประสิทธิภาพพร้อมนำไปใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือไม่
