นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงว่า กรณีที่ ครม.มีมติเห็นชอบปรับหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดินในไทยและขยายเพดานให้ชาวต่างชาติถือครองห้องชุดในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก 49% เป็น 70 – 80% และการปรับหลักเกณฑ์ให้ต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในประเทศได้ ในราคาตั้งแต่ 10-15 ล้านบาทขึ้นไป โดยอ้างว่าเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจนั้น อยากถามว่าสิ่งที่ทำไป แท้จริงแล้วเพื่อต้องการเอื้อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติที่มีบ้านค้างสต๊อกขายไม่ออก จากการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวหรือไม่ แล้วคนไทยได้ประโยชน์อย่างไร สิ่งที่ทำยิ่งเป็นการตอกยํ้าความเหลื่อมลํ้าให้คนที่มีเงินเท่านั้นที่จะมีบ้าน
ในขณะที่ปัจจุบันยังมีคนไทยไม่มีบ้านอยู่ถึง 5.87 ล้านครัวเรือน รัฐควรเอาเวลาไปคิดหามาตรการให้ช่วยเหลือคนเหล่านี้ หากคิดไม่ออกก็นำเอามาตรการในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาใช้ อย่างโครงการ บ้านหลังแรก ที่คืนภาษีให้ผู้ซื้อบ้าน หรือทางออกอื่นๆ ในการดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย เช่น การให้สิทธิการเช่า 99 ปี , การผ่อนคลายข้อจำกัดเรื่องวีซ่า ที่รัฐบาลก็ได้ดำเนินการอยู่ จึงอยากให้รัฐบาลคิดใหม่เพราะมาตรการนี้นอกจากจะไม่ช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติแล้ว อาจถูกครหาว่าขายชาติขายแผ่นดินเอาได้
“เป็นอีกครั้งที่แนวคิดของรัฐบาลผิดเพี้ยน หาเงินเข้าประเทศไม่เป็น เอาแต่อ้าแขนรอทุนใหญ่ด้วยการยื่นผลประโยชน์แบบต่างตอบแทนให้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินให้ไปแล้ว ไม่สามารถเอาคืนกลับมาได้ง่ายๆ” นายชนินทร์กล่าว