คนไทยกว่า 42% ขาดวิตามินดี ด้วยวิถีชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป และมีความเชื่อที่ว่าหากจะได้รับวิตามินดี จะต้องออกไปเจอแสงแดดแต่ด้วยไลฟ์สไตล์คนยุคนี้ โดยเฉพาะผู้หญิงกลัวแดด ทำให้ร่างกายไม่ได้รับวิตามินดีที่เพียงพอ
ข้อมูลจากการสำรวจสุขภาพประชากรไทยของ ศ.นพ.วิชัย เอกพลากร ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชนคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล คอลัมน์ Research Focus พบว่า คนไทยขาดวิตามินดีมาก ซึ่งในเขตเมืองจะขาดวิตามินดีมากกว่าเขตนอกเมือง เพราะไลฟ์สไตล์และการออกไปพื้นที่กลางแจ้งไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ยังพบอีกว่า คนกลุ่มอายุน้อยจะขาดวิตามินดีมากกว่า ซึ่งข้อมูลนี้จะตรงกันกับประเทศในเอเชียอย่างเช่น เกาหลีใต้ และ มาเลเซีย อาจเป็นเพราะว่าคนวัยหนุ่มสาวแถบนี้ มีแนวที่จะหลบแดดกันมากกว่าผู้สูงอายุ ซึ่งแตกต่างจากประเทศทางตะวันตก
รศ. พญ.ณัฏฐา รัชตะนาวิน หัวหน้าหน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ กล่าวว่า วิตามินดีจะมีความสำคัญมากในการเสริมสร้างกระดูกและการเติบโต หากยังกลัวแดดจนเกินเหตุ การแก้ไขปัญหาการขาดวิตามินดีก็จะยังไม่เห็นผลในคนไทย
ส่วนผศ. พญ.หทัยกาญจน์ นิมิตพงษ์ สาขาวิชาต่อมไร้ท่อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบันเรายังตอบไม่ได้ชัดเจนว่า ทำอย่างไรจึงจะลดปัญหาการพร่องวิตามินดีในประชากรไทยได้อย่างเหมาะสม แต่สำหรับใครที่มีรูปแบบชีวิต Healthy Lifestyle อยู่แล้ว ก็ให้คงเช่นเดิมไว้ เพราะเชื่อว่าจะคงระดับวิตามินดีไว้ได้ดีกว่า
วิตามินดีพบได้ที่ไหนได้บ้าง
- แสงแดดอ่อนๆ ช่วงเช้าหรือเย็นวันละครึ่งชั่วโมง 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์
- นม 1 ลิตร มีปริมาณวิตามินดี 400 ไมโครกรัม
- ไข่แดง 1 ฟอง มีปริมาณวิตามินดี 20 ไมโครกรัม
- ตับสัตว์ 100 กรัม มีปริมาณวิตามินดี 40 ไมโครกรัม
- น้ำมันตับปลา 1 ช้อนโต๊ะ มีปริมาณวิตามินดี 500 ไมโครกรัม
- เห็ด 100 กรัม มีปริมาณวิตามินดี 135 ไมโครกรัม
- กุ้งแชบ๊วย 100 กรัม มีปริมาณวิตามินดี 135 ไมโครกรัม
- ปลาทูน่า 100 กรัม มีปริมาณวิตามินดี 225 ไมโครกรัม
- ปลาแซลมอน 100 กรัม มีปริมาณวิตามินดี 360 ไมโครกรัม
- ปลาซาร์ดีน 100 กรัม มีปริมาณวิตามินดี 440 ไมโครกรัม
- ปลาแมคเคอเรล 100 กรัม มีปริมาณวิตามินดีสูงถึง 720 ไมโครกรัม
ทั้งนี้คนเราควรได้รับปริมาณวิตามินดี วันละ 600 IU (15 ไมโครกรัม) ส่วนผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปี ควรได้รับวิตามินดีวันละ 800 IU (20 ไมโครกรัม
ที่มา : 137degrees, health.mthai