คัดลอก URL แล้ว
เมื่อเกิดเหตุรุนแรง ควรทำ VS ไม่ควรทำ ตัดวงจรพฤติกรรมลอกเลียนแบบ

เมื่อเกิดเหตุรุนแรง ควรทำ VS ไม่ควรทำ ตัดวงจรพฤติกรรมลอกเลียนแบบ

จากเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ต.ค. 66 ในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองกรุง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ไม่เหตุการณ์ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในสังคมไทย หลายคนตั้งคำถามว่าเราจะป้องกันเหตุการณ์ลักษณะนี้ หรือเอาตัวรอดกันอย่างไรได้ ล่าสุด คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้คำแนะนำเพื่อตัดวงจรพฤติกรรมการลอกเลียนแบบความรุนแรง สรุป “สิ่งที่ควรทำ และ สิ่งที่ไม่ควรทำ” หากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงลักษณะดังกล่าว

ควรทำ

อย่าทำ

แนวทางการเยียวยาจิตใจของผู้สูญเสีย

ผศ. ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ นักจิตวิทยาการปรึกษา หัวหน้าศูนย์สุขภาวะทางจิต คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สิ่งที่ควรทำในการเยียวยาจิตใจของผู้สูญเสีย ดังนี้

ไม่ซ้ำเติมผู้ประสบเหตุ ด้วยการถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในเวลาที่เขาไม่พร้อมเพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว จะมีทั้งความรู้สึกของ ความกลัว ความรู้สึกผิด

สื่อสารระบายออกมา เพื่อบรรเทาความรู้สึกให้จางลงเมื่อพร้อม กับคนที่เราไว้วางใจ มันจะช่วยให้เราตระหนักและเข้าใจตัวเองได้ดีขึ้นจากการพูดคุยกับคนอื่น

การดูแลคนใกล้ชิดสามารถทำได้ด้วยการแสดงความเข้าใจ เพื่อสื่อว่ายังอยู่ข้าง ๆ และพร้อมที่จะรับฟัง เมื่อเขาพร้อมที่จะสื่อสาร ทั้งนี้ผลกระทบทางจิตใจต่อเหตุการณ์ร้าย ๆ สามารถติดอยู่ในใจได้ยาวนาน 3-6 เดือน ถ้าใครผ่าน 6 เดือนไปแล้ว ยังคงรู้สึกกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ยังกลัวว่าจะมีใครมาทำร้าย ก็อาจจะต้องรับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

สำหรับเด็กที่ยังสื่อสารไม่ได้ดีนัก พ่อแม่ต้องคอยสังเกตว่าเขามีพฤติกรรมถดถอยหรือไม่ เช่น จากที่ไม่ฉี่รดที่นอนแล้ว กลับมาฉี่รดที่นอน ที่เคยรักดูแลน้องกลับมาแกล้งน้องกัดน้อง ถ้าพบว่ามีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ควรพาไปพบจิตแพทย์เด็กหรือนักจิตวิทยาเด็ก


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง