คัดลอก URL แล้ว
ไขข้อสงสัย เตรียมตั้งครรภ์ ทานคอลลาเจน ได้หรือไม่

ไขข้อสงสัย เตรียมตั้งครรภ์ ทานคอลลาเจน ได้หรือไม่

ผู้หญิงวางแผนท้อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่มีบุตรยากที่มีอายุล่วงเลยวัย 35 ปีขึ้นไป ล้วนแล้วมีความกังวลเรื่องผิวพรรณและริ้วรอย เพราะยังคงอยากมีผิวพรรณที่สดใสเปล่งปลั่ง สุขภาพดี จึงเกิดคำถามมากมายว่าระหว่างเตรียมตั้งครรภ์ สามารถทานอาหารเสริมคอลลาเจนได้หรือไม่ และควรเลือกทานคอลลาเจนแบบไหนเพื่อการตั้งครรภ์ที่มีคุณภาพ ไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการวางแผนตั้งครรภ์

ข้อมูลจากการศึกษาค้นคว้างานวิจัยเกี่ยวกับ คอลลาเจนและภาวะเจริญพันธุ์ว่า คอลลาเจน (Collagen) เป็นเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่พบในร่างกาย ได้แก่ ด้วยกรดอะมิโนไกลซีน (glycine) กลูตามีน (glutamine) และโพรลีน (proline) ทําหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่อวัยวะต่างๆ และเป็นองค์ประกอบหลักของผิวพรรณ ทำหน้าที่ให้ผิวพรรณมีความเรียบเนียนเต่งตึงขึ้น และพบคอลลาเจนมากในเส้นเอ็น หลอดเลือด ข้อต่อ กระดูก ฟัน และเส้นผม รวมถึงเซลล์สืบพันธุ์ด้วย อย่างไรก็ตามคอลลาเจนในร่างกายจะเริ่มลดน้อยลงเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์ หรือ ผู้มีบุตรยากที่มีอายุ 35 ปี ขึ้นไป ซึ่งนอกจากจะกังวัลเรื่องผิวพรรณที่เริ่มมีริ้วรอยแล้ว ภาวะเจริญพันธุ์ก็เข้าสู่ช่วงวัยที่เริ่มถดถอยเช่นกัน จึงมีความต้องการเสริมคอลลาเจนให้กับร่างกายด้วยวิธีการทานอาหารเสริม แต่ยังคงมีความกังวลว่าอาหารเสริมคอลลาเจนจะผลต่อกระบวนการเตรียมตั้งครรภ์หรือไม่

ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า จากการศึกษาค้นคว้างานวิจัยเกี่ยวกับคอลลาเจนที่สัมพันธ์กับภาวะเจริญพันธุ์และการตั้งครรภ์ ยังไม่มีผลการวิจัยที่ยืนยันว่า การกินคอลลาเจนเสริมอาหารระหว่างเตรียมตั้งครรภ์และตั้งครรภ์ส่งผลกระทบร้ายแรงใดๆ ต่อทารกในครรภ์ โดยมีรายงานวิจัยจากวารสาร Journal of Pregnancy and Child Health (2016) ที่ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับ การตอบสนองของอาหารเสริมคอลลาเจนประเภท hydrolysed collagen ในกลุ่มสตรีมีครรภ์ และสตรีหลังคลอด อายุระหว่าง 19-43 ปี ทดลองโดยการดื่มคอลลาเจน 2 ครั้งต่อวัน ในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 3 เป็นเวลา 10 weeks จนถึงช่วงหลังคลอดโดยแบ่งผู้ทดลองเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มควบคุมและกลุ่มที่ทานคอลลาเจน ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มที่ทานคอลลาเจนมีระดับโปรตีนที่สูงกว่ากลุ่มควบคุม พบว่าแผลผ่าตัดหลังคลอด หายเป็นปกติได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่ได้รับการเสริมคอลลาเจน โดยคอลลาเจนจะช่วยฟื้นฟูแผลผ่าตัดหลังคลอดได้ดีขึ้น 72% แผลจากการคลอด ของผู้ที่ได้รับคอลลาเจนเสริมอาหารดังกล่าวหายเป็นปกติได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่ได้รับการเสริมคอลลาเจน และไม่มีผลลัพธ์ที่ไม่พึ่งประสงค์ระหว่างการศึกษา

นอกจากนี้ยังมีรายงานวิจัย จาก International Journal of Biological Sciences (2020) เรื่อง Collagen at the maternal-fetal interface in human pregnancy ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบสำคัญของ Extracellular matrix (ECM) ซึ่งทำหน้าทำหน้าที่ในการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์คล้าย Cell wall โดยจะมีบทบาทสำคัญในส่วนเชื่อมต่อกันระหว่างตัวอ่อนและมารดา ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อและสร้างเส้นเลือดใหม่ขึ้นมา และช่วยในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทารกในครรภ์มารดา และนอกจากนี้ระดับของคอลลาเจนยังบ่งบอกถึงอัตราการตั้งครรภ์อีกด้วย อีกทั้งคอลลาเจนยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเนื้อเยื่อและอวัยวะ และมีหน้าที่การพัฒนาอวัยวะ การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และมีความสำคัญในการสังเคราะห์ฮอร์โมนที่ช่วยให้ภาวะตั้งครรภ์ดำเนินไปตามปกติ

จากงานวิจัยข้างต้น จึงสรุปได้ว่า คอลลาเจนมีความสำคัญในกระบวนการเตรียมตั้งครรภ์ และไม่มีอันตรายสำหรับผู้วางแผนท้อง หรือตั้งครรภ์ ดังนั้นผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์ควรได้รับคอลลาเจนที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่หากผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์มีอายุ 35 ปีขึ้นไป และมีภาวะมีบุตรยาก นอกจากจะทานอาหารที่หลากหลายครบ 5 หมู่แล้ว ควรเลือกทานอาหารที่ช่วยเสริมคอลลาเจนให้กับร่างกาย

แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน ได้แก่

แต่หากคอลลาเจนที่ได้จากการรับประทานอาหารยังไม่เพียงพอ การเลือกทานอาหารเสริมคอลลาเจนเป็นอีกหนึ่งทางเลือก แต่ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ แม้ว่ายังไม่มีผลการวิจัยที่ยืนยันว่าการกินคอลลาเจนเสริมอาหารระหว่างเตรียมตั้งครรภ์ ส่งผลกระทบร้ายแรงใดๆ ต่อทารกในครรภ์ แต่อย่างไรก็ตามควรเลือกรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจนที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ และไม่มีส่วนผสมของสมุนไพรใดๆ จากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ ได้รับมาตรฐานการผลิตและผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย สำหรับผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์และผู้มีบุตรยาก

ที่มา: ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง