ระยะเวลาการนอนที่ดีและเหมาะสมที่สุดคือต้องนอนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง และเป็นการนอนที่เพียงพอ ควรรู้สึกสดชื่นหลังจากตื่นนอน หลับสนิท ไม่หลับๆ ตื่นๆ ตลอดทั้งคืน แต่กิจวัตรประจำวันของบางคนอาจทำให้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการนอนเท่าที่ควร และคิดว่าการนอนน้อยหรือนอนดึกไม่ใช่เรื่องใหญ่ โดยอาจไม่ทราบว่าการนอนน้อยหรือมากเกินไปนั้น อาจส่งผลโดยตรงกับหัวใจ ซึ่งอันตรายถึงชีวิตหากไม่รีบตรวจเช็กหัวใจและปรับพฤติกรรมการนอนโดยเร็ว
การนอนหลับในวัยทำงานลดลง
นพ. อนุสิทธิ์ ทัฬหสิริเวทย์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า National Library of Medicine ได้ระบุว่าในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา จำนวนชั่วโมงการนอนหลับโดยเฉลี่ยสั้นลง 1.5 – 2 ชั่วโมงต่อคนและในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาระยะเวลาการนอนหลับในวัยทำงานลดลง 37 นาที ซึ่งการนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวันส่งผลเสียต่อร่างกาย สมองลดการหลั่งเมลาโทนิน กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติมากเกินไป ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น มีความดันโลหิตสูง และเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน นำไปสู่ความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจโตในที่สุด
โดยสำหรับผู้ที่นอนมากกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มนอนดึก ตื่นสาย คือนอนหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ มีงานวิจัยจาก JAMA Internal Medicine ระบุว่า การนอน 9 ชั่วโมงขึ้นไปต่อคืน เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ 38% และหากนอนไม่หลับ หรือนอนหลับไม่สนิท หรือนอนหลับไม่ลึกย่อมทำให้ร่างกายไม่ได้ซ่อมแซมอย่างเต็มที่ มีข้อมูลจาก American Heart Association ระบุว่า การนอนไม่หลับ นอนหลับไม่ลึก นอนหลับไม่สนิท กระตุ้นความดันโลหิตกับชีพจรให้ทำงานหนักขึ้น กระตุ้นไขมันและน้ำตาลให้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการอักเสบต่าง ๆ ในร่างกาย การทำงานของหัวใจลดลง เส้นเลือดเสื่อมเร็ว ส่งผลกับหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง เกิดความดันโลหิตสูงมากกว่าคนนอนปกติถึง 2 เท่า
การนอนให้ดีต่อหัวใจต้องสร้างสุขนิสัยการนอนที่ดี
นอนวันละ 7-8 ชั่วโมง กำหนดเวลาเข้านอนให้คงที่ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดหรือวันทำงาน ไม่ต่างกันเกินกว่า 1 ชั่วโมง เช่น ในวันทำงานเข้านอน 4 ทุ่ม ตื่นนอน 6 โมงเช้า ในวันหยุดอาจเข้านอน 5 ทุ่ม ตื่นนอน 7 โมงเช้า เป็นต้น ห้องนอนต้องมืด เงียบ และเย็น ไม่ควรมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ต้องไม่ออกกำลังกายหนักและนานเกินไป เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับได้ และไม่ควรออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน จัดการความเครียดและความวิตกกังวล เพราะส่งผลให้นอนไม่หลับได้ อาจทำสมาธิ ฟังเพลงเพื่อผ่อนคลาย หากมีปัญหาการนอนอย่างนอนกรน นอนหลับไม่สนิท หยุดหายใจขณะหลับ ควรรีบพบแพทย์ทันที
การตรวจเช็กพฤติกรรมการนอนที่มีความสัมพันธ์กับโรคหัวใจนั้น
แพทย์จะทำการซักประวัติอย่างละเอียด ทั้งเวลาเข้านอน เวลาตื่นนอน กิจกรรมก่อนเข้านอน ระยะเวลาในการทำกิจกรรมก่อนเข้านอน ขณะนอนหลับมีการตื่นกลางดึก กรน หรือขยับขาหรือไม่ เมื่อตื่นนอนแล้วรู้สึกไม่สดชื่น สมองไม่ปลอดโปร่งหรือไม่ เป็นต้น จากนั้นจะส่งตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อประเมินคุณภาพการนอน ลักษณะคลื่นสมอง และปริมาณออกซิเจนในร่างกาย ทั้งยังสามารถนำข้อมูลคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะนอนหลับมาประเมินภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะขณะนอนหลับได้ ซึ่งมักสัมพันธ์กับอาการผิดปกติของหัวใจ และอาจตรวจหัวใจเพิ่มเติมตามคำแนะนำของแพทย์เฉพาะทางหัวใจ ได้แก่ ตรวจสมรรถภาพของหัวใจ (EST – Exercise Stress Test) การตรวจหัวใจด้วยเครื่องสะท้อนเสียงความถี่สูง (Echocardiogram) ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG – Eletrocardiogram) เป็นต้น ซึ่งปัญหาการนอนที่พบแพทย์จะรักษาตามอาการเป็นสำคัญ เช่น นอนน้อยต้องสร้างสุขนิสัยการนอนใหม่ นอนมากไป นอนไม่หลับ หรือนอนกรนต้องตรวจเช็กการนอนเพิ่มเติมแล้วรักษาตามสาเหตุ รวมถึงการทำแบบคัดกรองตามที่แพทย์แนะนำ นอกจากนี้ การนอนน้อยเกินไป ยังส่งผลต่อการรับประทานอาหาร เพราะผู้ที่นอนน้อยมักเลือกอาหารให้พลังงานสูงและขาดความสมดุล ทำให้เกิดโรคอ้วน โรคเบาหวานตามมาได้ มีข้อมูลงานวิจัยจาก PLOS ระบุว่าผู้ที่นอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อวันมีแนวโน้มน้ำหนักเกินมากกว่าผู้ที่นอนหลับ 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน
การนอนน้อย และนอนดึกนั้นจะส่งผลกระทบต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ดังนั้นควรหันมาใส่ใจเรื่องการนอนหลับพักผ่อนให้มากขึ้นเพื่อสุขภาพที่ดี เพราะหากนอนไม่ดีนอกจากส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ยังส่งผลเสียกับหัวใจ ควรปรับพฤติกรรมการนอนตั้งแต่วันนี้ หมั่นสังเกตตัวเอง และตรวจเช็กสุขภาพหัวใจตามคำแนะนำของแพทย์เฉพาะทาง เพื่อจะได้มีสุขภาพการนอนที่ดีและมีหัวใจที่แข็งแรง
ข้อมูลจาก : รพ.หัวใจกรุงเทพ