คัดลอก URL แล้ว
“ลองโควิด” อาการที่หลงเหลือหลังติด โรคโควิด-19

“ลองโควิด” อาการที่หลงเหลือหลังติด โรคโควิด-19

ช่วงนี้ประเด็นของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ไม่ใช่แค่เรื่องของการแพร่ระบาดแต่เพียงอย่างเดียว จากข้อมูลของการระบาดในประเทศไทย เห็นได้ชัดว่ามีคนที่ติดเชื้อสายพันธุ์นี้ได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว ซึ่งการติดต่อกัน เกิดขึ้นภายในสมาชิกของคนในครอบครัว ทำให้การแพร่กระจายเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในวงกว้าง แน่นอนประเด็นที่จะกล่าวถึงไม่ได้ในตอนนี้ คือ หลังจากที่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ติดเชื้อไปแล้วนั้น มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่ยังคงมีอาการ อาการแสดง จากผลกระทบจากการติดโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอยู่

เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจให้กับผู้ที่เคยติดโรคโควิด-19 รวมถึงคนรอบข้าง นพ.ณฐนัท ช่างเงินชญช์ แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ ศูนย์อายุรกรรม โรงพยาบาลนวเวช ได้เปิดเผยข้อมูลจากการสำรวจขององค์การอนามัยโลกและศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของประเทศอเมริกา ในการแบ่งระยะผู้ป่วยที่ติดโรคโควิด-19 พร้อมนำองค์ความรู้และประสบการณ์มาถ่ายทอดผ่านบทความให้ความรู้เรื่อง “ลองโควิด” กับอาการที่หลงเหลือหลังติดโรคโควิด-19

องค์การอนามัยโลกและศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของประเทศอเมริกา จึงได้มีการแบ่งผู้ป่วยที่ติดโรคโควิด-19 ออกเป็น 2 ระยะ โดยการแบ่งนี้ไม่ได้คำนึงถึงระดับของการติดเชื้อปริมาณไวรัสแต่อย่างใด ได้แก่

โดยจะพบว่ามีชื่อเรียกกลุ่มอาการดังกล่าวหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น Long COVID ที่เป็นที่รู้จักกันดี และอื่น ๆ เช่น Postacute COVID-19, Chronic COVID-19, Postacute sequelae of SARS-CoV-2 infection (PASC) แต่ยังไม่มีชื่อไหนที่ถูกยอมรับอย่างเป็นทางการ และแพร่หลาย

เมื่อผู้ป่วยมีสภาวะร่างกายและจิตใจดังกล่าวเป็นที่ทราบกันว่า ถ้าจะป้องกันอาการหลังการติดโรคโควิด Post-COVID condition ได้ดีนั้นจะต้องเป็นวิธีการใดใด ที่สามารถลดความรุนแรงของอาการของการติดโรคโควิด-19 ในระยะแรกให้ได้ เช่น การได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

อาการที่พบบ่อยของ Long COVID ได้แก่ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก ไอ และกลุ่มอาการด้านจิตใจ เช่น อาการกังวล, อาการซึมเศร้า, โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง (PTSD: Posttraumatic Stress Disorder) ซึ่งกลุ่มนี้จะคล้ายคลึงกับอาการที่พบได้ในผู้ป่วยที่เจ็บป่วยรุนแรงในหอผู้ป่วยบำบัดวิกฤตทั่วไปอยู่เดิมแล้ว

โดยหากพบว่ามีอาการเหล่านี้ ส่วนใหญ่แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ หลังจากนั้นอาการดังกล่าวจะดีขึ้นเองภายหลัง 3 เดือน แต่แน่นอนกลุ่มอาการเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับการวิเคราะห์ ปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อแยกโรคจากโรคอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นผลแทรกซ้อนจริง ๆ จากการติดโรคโควิด-19 หรือเกิดจากโรคอื่น ๆ แทรกซ้อนหลังการติดเชื้อได้

เมื่อผู้ป่วยสังเกตพบอาการดังกล่าวข้างต้น จึงจำเป็นต้องมีการพูดคุย ปรึกษากับแพทย์ ตรวจร่างกาย และวิเคราะห์เลือด, เอกซเรย์ปอด และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเบื้องต้น หากไม่พบความผิดปกติอื่นใด แพทย์จะได้ยืนยันกับผู้ป่วยเบื้องต้นโดยยึดหลักการตามอาการ สังเกตอาการก่อน แล้วนัดมาตรวจติดตามการรักษาอีกครั้ง ถ้าแพทย์ตรวจพบความผิดปกติ หรือไม่มีความมั่นใจในการวินิจฉัย แพทย์จะทำการสั่งตรวจลึกในรายละเอียดขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละคน เช่น การตรวจเลือด เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอด อัลตราซาวด์หัวใจ การวัดสมรรถภาพปอด และอื่นๆ

สุดท้ายคงเป็นเรื่องราวของการให้คำแนะนำ เรื่องวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และโรคอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล ที่ผู้ป่วยอาจจะเป็นได้หลังจากอาการหายดีแล้ว ตามคำแนะนำของแพทย์ ตอนนี้ภาพของการรักษาโรคโควิด-19 จึงไม่ใช่แค่เรื่องการรักษาเพียงอย่างเดียว โรคนี้มีมิติของการรักษาอีกมาก การตรวจติดตามหลังจากที่ผู้ป่วยหาย และที่สำคัญมีองค์ความรู้เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา ยังคงมีอีกหลายเรื่องราวที่แพทย์ และนักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์คงต้องศึกษาวิจัยต่อเนื่องอีกนาน

ที่มาจาก : โรงพยาบาลนวเวช www.navavej.com


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง