Mitsubishi Delica Mini เปิดสเปคพร้อมจอง ราคาเริ่มอย่างไม่เป็นทางการ 4.6 แสนบาท

เนื่องในงาน Tokyo Auto Salon 2023 ที่ผ่านมา ทาง Mitsubishi เปิดตัว All-New Mitsubishi Delica Mini เพิ่มตัวเลือกใหม่ของรถตู้สายสันทนาการนอกสถานที่ โดยได้เผยสเปคสำคัญบางรายการ และเปิดสั่งจองล่วงหน้า พร้อมจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยมีราคาอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่ 1.8 ถึง 2.25 ล้านเยน หรือราว ๆ 4.6 และ 6.5 แสนบาทตามลำดับ โดยราคาจริงอาจจะไม่เกิน 2.30 ล้านเยน หรือราว ๆ 5.89 ล้านบาท

Mitsubishi Delica Mini ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “รถแวกอนที่ปราดเปรียวและไว้วางใจ” โดยมีบุคลิกที่แข็งแกร่งพร้อมลุยสไตล์ SUV ตัวถังที่ยกสูง พร้อมยางขนาดใหญ่ ภายในกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมลุยด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล๋กแต่ทรงพลัง และระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มรอบด้าน

ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้า Dynamic Shield แบบสามมิติที่ผสานกับไฟหน้าพร้อมไฟ LED Daylight, โลโก้ Delica ปั๊มบนกันชนหน้า และชิ้นส่วนตกแต่งบริเวณประตูท้าย รงมถึงขอบกันชนหน้า – หลัง และซุ้มล้อสีดำที่เสริมชิ้นส่วนสีอะลูมิเนียมที่ช่วยมอบลุคให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และล้ออะลูมิเนียมสีเงิน

นอกจากนี้ยังมีสีตัวถังโมโนโทน 6 สี ทูโทน 6 สี รวม 12 สีให้เลือก หนึ่งในนั้นมีสีใหม่อย่าง Ash Green Metallic ซึ่งเป็นสีใหม่สำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ

ประตูเลื่อนที่นั่งด้านหลังมีความกว้างในการเปิด 650 มม. และพื้นเรียบเพื่อให้เข้าและออกได้ง่าย รวมถึงยังได้ใช้ประตูเลื่อนอัตโนมัติแบบแฮนด์ฟรี และสามารถเปิด และปิดประตูได้ด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับเท้า

ภายในได้เผยว่าจะมาพร้อมกับห้องโดยสารโทนสีดำ พร้อมแผงคอนโซลหน้าเสริมชิ้นส่วนสีงาช้าง โดดเด่นด้วยจออินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่, ปุ่มควบคุมภายในรถดีไซน์โดดเด่น, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น เป็นต้น

ขณะที่ห้องโดยสารจะเป็นแบบ 4 ที่นั่ง พร้อมตัวเบาะสามารถพับเรียบไปกับพื้นได้ ความพิเศษของตัวเบาะอยู่ที่วัสดุกันน้ำ พร้อมกับการออกแบบลวดลายนูนต่ำของเบาะที่ช่วยลดความอับชื้น และเพิ่มความสบายในการนั่งยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันเบาะหลังมีระยะเลื่อนหน้า – หลัง 320 มม. พร้อมพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง แม้เบาะหน้าถูกดันไปด้านหลังจนสุด นอกจากนี้ พื้นห้องเก็บสัมภาระ และด้านหลังพนักพิงเบาะหลังยังใช้แผ่นรองสัมภาระที่ทำจากวัสดุที่สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย คุณจึงไม่ต้องกังวลว่าหลังจากสนุกสุดเหวี่ยงไปกับกิจกรรมกลางแจ้ง หรือเลอะตัวมากน้อยแค่ไหน ก็ไม่ต้องกังวลต่อรอยเปื้นดินโคลนใด ๆ

สำหรับรุ่นย่อยนั้นจะขึ้นกับขุมพลัง โดยจะมีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ โดยแยกเกรดย่อยทั้ง T และ T Premium กับรุ่นเครื่องยนต์เบนซินไฮบริดที่แยกเกรดทั้ง G และ G Premium แม้จะไม่ได้เผยความจุ และตัวเลขทางเทคนิค แต่แน่นอนว่าจะมีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งขับสองล้อ และขับสี่ล้อ

โดยเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ จะได้รับยางขนาดใหญ่ขนาด 165/60R15 และโช้คอัพที่ปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อให้ยึดเกาะพื้นถนนได้อย่างมั่นคง และป้องกันการสั่นสะเทือนไม่ให้เข้าไปยังภายในรถ ปรับปรุงเสถียรภาพ และความสะดวกสบายยิ่งขึ้น

และทุกรุ่นยังมาพร้อม Grip Control เพื่อรองรับการออกตัวบนถนนลื่นเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน หากล้อขับเคลื่อนล้อใดล้อหนึ่งหมุนบนถนนที่เป็นหิมะหรือเป็นโคลน ระบบจะควบคุมเบรกกับล้อเพื่อรองรับการสตาร์ทรถ และการออกตัวได้อย่างมั่นคง นอกจากนี้ ระบบควบคุมการลงทางลาดชันพร้อมรักษาความเร็วรถให้ต่ำด้วยการควบคุมแบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเช่นกัน

สำหรับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง จะขึ้นกับเกรดย่อย เริ่มจากเกรด T Premium กับ G Premium จะได้รับเทคโนโลยีระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติสำหรับรองรับการใช้งานบนทางหลวงอย่าง My Pilot และ Adative Cruise Control, ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลนด้วยการควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ, ติดตั้ง Mitsubishi e-Assist ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นสูง 8 รายการ อาทิ ระบบเบรกฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ เป็นต้น